ซินแส และ จัดฮวงจุ้ย ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ!!!!(บทความนี้มีความยาวประมาณ 12 หน้า A4 แต่สำหรับผู้สนใจวิชาโหราศาสตร์จีน อันได้แก่ วิชาฮวงจุ้ย ดวงจีน และ ฤกษ์ยาม ควรตั้งใจอ่านให้จบ และ พิจารณาตามไปด้วย จะทำให้ท่านกระจ่างแจ้ง และ ไม่โดนหลอกลวงจากซินแสกำมะลออีกต่อไป) บทความนี้ ข้าพเจ้าเขียนขึ้นมาตามคำเรียกร้องของหลายๆ คน ที่ข้าพเจ้าเคยไปทำการแก้ไขฮวงจุ้ยให้ตามคำเชิญของเขา แต่มีอยู่รายหนึ่ง จะขอเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์สอนใจผู้สนใจฮวงจุ้ยได้เป็นอย่างดี คือ เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนเขาจะรู้จักข้าพเจ้าจากการแนะนำของเพื่อนนั้น เขาได้เชิญซินแสมาจัดฮวงจุ้ยถึง 3 คน ทุกคนใช้ลีลาวิธีการต่างกันทั้งสิ้น
ซินแสรายแรก อ้างว่า ใช้วิชาหมวกดำ รายนี้คิดเงินค่าดูเพียง 15,000 บาท ให้ตั้งตู้ปลา น้ำพุ ให้ทำการติดฮู้ กระจกยันต์ ตั้งเรือสำเภา เทพเจ้าจีน และ ลูกแก้ว ทาสีบ้านทั้งหลังด้วยสีม่วง และ ของแก้ฮวงจุ้ยจำนวนมาก ซึ่งต้องซื้อจากเขาทั้งหมด เฉพาะค่าของแก้ฮวงจุ้ยหมดไปประมาณแสนกว่าบาท เมื่อจัดแล้วก็ไม่มีผลดีเกิดขึ้นตามที่กล่าวอ้าง
ซินแสรายที่สอง คิดเงินค่าดู 12,000 บาท อ้างว่า ใช้วิชา 64 ข่วย และ ดาว 9 ยุค โดยใช้วิชา 64 ข่วย ดึงกระแสเข้าบ้าน และ ใช้วิชาดาว 9 ยุค จัดบ้าน วิธีการก็คือ ให้บิดเอียงประตูบ้าน ให้ตั้งน้ำพุ ติดสติ๊กเกอร์โป๊ยข่วยก่อนฟ้า และ ให้ตั้งสิ่งของสารพัด ผลก็คือ เมื่อจัดแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่กล่าวอ้าง
ซินแสรายที่สาม คิดค่าดู 20,000 บาท เมื่อมาถึงก็นั่งสาธยายว่า วิชาฮวงจุ้ยเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เป็นเวลาเกือบชั่วโมง จากนั้นก็เดินตรวจดูบ้าน แนะนำให้บิดเอียงประตูบ้าน แล้วแนะนำให้ตั้งน้ำพุ ให้ทาสีห้องใหม่ ให้เปิดหน้าต่างเพื่อรับลม ให้ตัดต้นไม้ที่บังหน้าต่างออก โดยอ้างว่า เล้งจะมาทางนี้ ต้นไม้ขวางทางเล้ง และ แนะนำฤกษ์ให้ทำการเคาะพื้นบ้านทุกวัน ที่หนักคือ ให้จุดประทัดกระตุ้น เพื่อรับเอาโชคลาภก้อนใหญ่ จนเกิดเสียงดังจนคนในหมู่บ้านนั้นร้องเรียน ต้องขึ้นโรงพัก ฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความรำคาญ ผลก็คือ เมื่อจัดแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่กล่าวอ้าง
ผลจากการจัดฮวงจุ้ยของซินแสทั้งสามทำให้เขาคิดว่า “วิชาฮวงจุ้ย” เป็นแค่เรื่องหลอกลวง ไม่มีอยู่จริง ซินแสก็คงเป็นแค่อาชีพของคนขี้เกียจ ที่หวังหลอกเอาเงินจากผู้สนใจศาสตร์ฮวงจุ้ยเท่านั้น นี่คือ สิ่งเกิดขึ้นจากผลที่ 3 ซินแสกำมะลอได้กระทำขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวมาโดยตลอด กลัวมากกว่าการที่เหล่าซินแสกำมะลอ จะลงขันจ้างมือปืนมายิงข้าพเจ้าซะอีก เพราะข้าพเจ้าไม่เคยกลัวเลย สำหรับเรื่องการลอบทำร้าย
ผู้อ่านบทความนี้สังเกตไหมว่า “น้ำพุ” คือ สิ่งที่ทั้ง 3 ซินแสกำมะลอเลือกใช้ เพราะเหตุใด ซินแสกำมะลอทั้งหลายจึงเชื่อว่า “น้ำพุ” เป็นสิ่งที่สามารถกระตุ้นให้เกิดโชคลาภได้ เรื่องนี้เริ่มต้นเกิดขึ้นในประเทศฮ่องกง โดยกลุ่มซินแสกำมะลอที่นั้น อ้างว่า “น้ำพุ และ ตู้ปลา” สามารถกระตุ้นโชคลาภได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เกิดความเชื่อว่า เมื่อจัดฮวงจุ้ยสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ “น้ำพุ และ ตู้ปลา” เมื่อข้าพเจ้าไปถึงบ้านของบุคคลผู้ได้รับโชคแจ็คพ็อตที่โดนหลอกมาถึง 3 ครั้ง ข้าพเจ้าเห็นน้ำพุอยู่ สิ่งแรก คือ เดินไปถอดปลั๊กไฟน้ำพุ แล้วถามเจ้าของบ้านว่า “ทำไมต้องตั้งน้ำพุ เพื่อความสวยงาม หรือว่าเพราะผลทางฮวงจุ้ย?” เจ้าของบ้านบอกว่า “ซินแสที่มาทุกคนให้วางน้ำพุทั้งหมด” ข้าพเจ้าถามว่า “รู้ไหมวิชาฮวงจุ้ย มันเกิดขึ้นมาแล้วมากกว่า 5,000 กว่าปี และเมื่อเกิดมาแล้ว 5,000 กว่าปี น้ำพุมันมีแล้วเหรอสมัยนั้น กำมะลอทั้ง 3 คนเป็นใคร? อาจารย์เขาชื่ออะไร? เรียนมาจากสำนักไหน? สายใด? เรียนวิชาอะไรมา? จึงมาอ้างว่า ตั้งน้ำพุ ตู้ปลา แล้วจะทำให้เกิดโชคลาภ ทำไม..ไม่ถามเขาล่ะว่า “ทำไม..ซินแสไม่ไปแนะนำคนให้ตั้งตู้ปลาตามบ้านค่ะ ถ้าเขาได้โชคลาภ ร่ำรวยตามที่ซินแสอ้างขึ้นมานี่ รับรองว่า ซินแสรายนั้นไม่ต้องเสียเงินซื้อเวลาออกทีวี ซื้อพื้นที่โฆษณาตามหนังสือพิมพ์ และ นิตยสาร แล้วมาอ้างว่า เขามาขอสัมภาษณ์ จะดังขึ้นมาทันที รู้จักไหมการตลาดแบบบอกปากต่อปาก หรือว่า จะอาศัยการโฆษณาชวนเชื่อเพียงอย่างเดียว จะให้บอกต่อคงลำบาก เพราะไปจัดที่ไหนไม่เคยได้ผลเลย ฉะนั้น การที่เขาจะบอกปากต่อปากเรื่องนี้ อย่างนี้อาจเข้าทำนอง อันลมปากหวานหูไม่รู้หาย แต่ลมข่าวลือ พือสะพัดอาจจนตาย” เจ้าของบ้านบอก อืม อาจารย์อธิบายซะเห็นภาพเลยนะค่ะ
จากนั้น ข้าพเจ้าจึงเดินตรวจดูฮวงจุ้ยบ้านของเขาต่อ โดยการพิจารณาผลกระทบของชัยภูมิต่อรูปดวงของเขาทั้ง ปี เดือน วัน ยาม รวมถึงผลกระทบขององศา และ ทิศทางที่ส่งผลต่อรูปดวงของเขา วันนั้น ข้าพเจ้าทำนายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนั้นหลายเรื่อง จนเจ้าของบ้าน ซึ่งแรกๆ ไม่ค่อยเชื่อถือข้าพเจ้าเท่าไหร่ เพราะเห็นว่า ข้าพเจ้าอายุน้อย และแต่งตัวธรรมดา (เสื้อยืด กางเกงยีนส์) แสดงความสนใจในตัวข้าพเจ้าขึ้นมาทันที จากนั้น จึงแนะให้แก้ไขตามแบบที่ข้าพเจ้าได้ศึกษามา เมื่อถึงเวลาที่จะกลับ ข้าพเจ้าบอกว่า การจัดฮวงจุ้ยที่ให้จัดนี้ส่งผลให้ดีขึ้นแค่ 40 ส่วน จาก 100 ส่วน เพราะมีหลายอย่างที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องด้วยองค์ประกอบของชัยภูมิ เจ้าของบ้านรายนั้นถามข้าพเจ้าว่า เอ้า!! แล้วไม่มีของแก้ฮวงจุ้ยอันอื่น แบบพวกที่เคยมาทั้ง 3 เหรอค่ะอาจารย์ ข้าพเจ้าบอกไม่มีหรอก ถ้ามีผลก็คงเหมือนคนทั้ง 3 นั้นแหละ ระยะนี้รอฤกษ์แล้วกัน ผมจะโทรบอกเองว่า จะให้ทำอะไรยังไง? เมื่อไหร่? ก่อนล่วงหน้าสัก 2 วัน และ ถ้าหากมีอะไร มีข้อสงสัยโทรหาผมได้ตลอด แล้วข้าพเจ้าก็รับส้มไหว้ครู เขายื่นซองอั่งเปาให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเปิดออกเห็นธนบัตรชนิดละ 1,000 บาท จำนวนหนึ่ง จึงนับดูต่อหน้าของเขา มีจำนวนทั้งสิ้น 8,000 บาท (แหม..ให้น้อยกว่าให้พวกกำมะลอซะอีก 555) ข้าพเจ้ายื่นเงินกลับคืนให้เขา 4,000 บาท พร้อมทั้งบอกว่า แก้ได้เท่านี้ เอาเท่านี้พอ เดี๋ยวหาว่าผมเขี้ยว เขาเขินไม่กล้ารับ ข้าพเจ้าย้ำว่า รับไปเถิด ถ้าไม่รับ วันหลังมีอะไรจะเรียกใช้ผม ผมไม่มานะ ในบทความ ข้าพเจ้ามิได้ดูถูกเหยียดหยามโหราศาสตร์อื่นใด ข้าพเจ้าเคารพวิชาความรู้ของโหราศาสตร์ทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นของชาติใด ภาษาใด สิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ คือ การปกป้องศาสตร์อันสูงค่า อันถูกคิดค้นโดยภูมิปัญญาของบรรพชน แต่กลับถูกผู้แสวงหาผลประโยชน์ ย่ำยี บิดเบือน อันผลเสียจะตกอยู่แก่ผู้ไม่รู้ ข้าพเจ้ามีความยินดี และ ภูมิใจเป็นอย่างสูง ที่คนที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์สอนฮวงจุ้ยกำมะลอ ซินแสกำมะลอ และ ผู้ร่วมขบวนการ รวมไปถึงผู้กระหายวิชาโดยใช้วิธีการทุกวิธีการ แม้จะเป็นเรื่องผิด หรือ บิดเบือน เป็นแฟนพันธุ์แท้บทความทุกบทในเว็บ Sages ฉะนั้น ขณะที่กำลังอ่านอยู่นี่ ก็ให้รู้ว่า ข้าพเจ้ารู้ว่า ท่านกำลังคิดอะไร และจะทำอะไร ข้าพเจ้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อสอนให้ผู้สนใจ ชี้ให้ผู้สนใจฉลาดขึ้น เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อของพวกท่าน แต่การกระทำนั้นต้องเป็นไปด้วยวิธีการที่สะอาดบริสุทธิ์เท่านั้น คือ ตีด้วยวิชาการ และ ความรู้ คงไม่ใช่วิธีลอบกัด ใส่ร้าย ป้ายสี บิดเบือน อย่างที่พวกท่านกระทำเป็นแน่ ดังนั้น การพยายามกล่าวบิดเบือนใส่ร้ายข้าพเจ้า ให้หมดความน่าเชื่อถือด้วยประการต่างๆ นานา เพื่อให้แนวทางในการล่อลวงคนของตนบรรลุซึ่งผลสำเร็จ ก็ไม่อาจสามารถล้มล้างให้ความตั้งใจของข้าพเจ้าลดลงได้ ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังมีลมหายใจอยู่ ข้าพเจ้าก็จะยังทำลายล้าง ล้มล้าง “กลุ่มบุคคลซินแสกำมะลอ” อยู่ดี แม้ว่า - ข้าพเจ้าไม่มีใครทิ้งตำราคัมภีร์ไว้ให้ ไม่มีซินแสแถวบ้านสอน เพราะข้าพเจ้ามีเพียงอาจารย์เท่านั้นที่สอน ครั้นจะศึกษาจากคัมภีร์ คัมภีร์ก็ถูกบันทึกไว้เฉพาะเคล็ดวิชาที่เกิดจากประสบการณ์ของอาจารย์ แต่ทั้งนี้ ก็ยังต้องอาศัยอาจารย์อธิบายเพิ่มเติมอยู่ดี เพราะการตีความจากคัมภีร์ผิดเป็นสิ่งล่อแหลม และ เกิดผลเสีย มีคนกล่าวว่า "เคล็ดวิชาไม่อยู่ในตำรา แต่จะออกจากปากปรมาจารย์" แหม คำพูดนี้คมจริงๆ คมจนบาดคอคนพูดเอง แต่คนกล่าวนี้ลอกตำรามาทั้งดุ้น แม้ถึงไปเที่ยวศึกษากับใครที่ไหน อาจารย์ผู้สอนเหล่านั้นก็แปลตำรา ตีความตำรามาสอน ไม่ใช่ผู้สืบสายวิชาเลย ขนาดคัมภีร์ของเอี๊ยะกง (หยางกง) เพียงไม่กี่เล่ม มีผู้ตีความออกมาแตกต่างกัน มากกว่า 20 แบบ ต่างคนต่างอ้างว่า ตัวเองถูก ทั้งนี้ เพราะขาดผู้รู้จริง สั่งสอนชี้แนะ แล้วยังไงต่อล่ะ ก็ใช้คนที่สนใจนั้นแหละเป็นหนูตะเภาลองยา ลองผิด ลองถูก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทุกปี หรือ ทุกครั้งที่ได้ยินหลักการอะไรที่ดูจะเข้าท่า อันนี้รับรองว่า เปลี่ยนอีก 30 ปี ลอกอีก 30 ปี ยังคงไม่จริงเหมือนเดิม จะให้ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ยังไงก็ตาม ก็ยังมั่วอยู่ตลอด ต่อให้ลอกจนตาย ก็ยังมั่วอยู่เหมือนเดิม เป็นที่น่าแปลกใจว่า บรรดาอาจารย์สอนฮวงจุ้ยที่อ้างตัวว่า เรียนมาอย่างเพียบพร้อมนั้น เปลี่ยนหลักสูตร วิชาการสอนไปทุกปี ไม่เฉพาะเนื้อหาการสอน แม้วิชาที่ใช้ยังเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ วันนี้บอกว่า "อันนี้ถูก" อีกสองวันบอกว่า "ใช้ไม่ได้แล้ว" แล้วผลนี้ตกอยู่กับใคร ถ้าไม่ใช่ผู้สนใจ คนทั้งหลายโดยส่วนใหญ่ล้วนมุ่งหวังผลประโยชน์ ต้องการสร้างชื่อเสียง จนลืม "คุณธรรม" และ "ความถูกต้อง" มากกว่าที่จะรักษาวิชาให้คงไว้สืบไปเพื่อให้ลูกหลานได้รู้ว่า เหล่าปรมาจารย์โบราณมีภูมิปัญญาที่สูงส่งเกินกว่าอนุชนจะเข้าใจ เพราะหลักการทั้งหลายของวิชาโหราศาสตร์จีน ล้วนอธิบายพฤติกรรม และ ความเป็นไปของธรรมชาติ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกมนุษย์นี้ทั้งสิ้น เป็นวิชาอภิปรัชญาที่อยู่สูงขึ้นไป เหนือกว่าวิทยาศาสตร์ใดๆ จะสามารถอธิบายได้เลย ทำไมต้องจัดฮวงจุ้ย ถามว่า วิชาฮวงจุ้ยคืออะไร? มีกี่ระบบ?
ทั้งสองระบบวิชามีรูปแบบของ ฟ้า ดิน คน อันได้แก่ ระบบรูปดวงบุคคล อันประกอบด้วย ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ ลัคนา ระบบฤกษ์ยาม ระบบการพิจารณาชัยภูมิ การคำนวณองศา และ ทิศทาง เป็นเอกเทศตามแบบของๆ ตน ไม่มีการหยิบยืมของระบบอื่นมาใช้แทน ฉะนั้น การจัดฮวงจุ้ยให้รวยได้ หรือไม่รวย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปดวงบุคคลด้วย หากฟ้า (ดวงชะตา) กำหนดให้บุคคลผู้นั้นมีเท่าใด ก็สามารถมีได้แค่เท่านั้น วิชาฮวงจุ้ยเป็นเพียงส่วนที่เข้าไป ลดเหตุ เพิ่มผล ของรูปดวงบุคคลเท่านั้น กล่าวคือ บุคคลเกิดมานั้นล้วนมีรูปดวง อันประกอบด้วย ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ และ ลัคนา เป็นของๆ ตนทุกคน ชะตาชีวิตอันนี้ล้วนถูกกำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น ความยากดี มีจน ความสำเร็จ สมหวัง ล้มเหลว สวย หล่อ สูง ต่ำ ดำ ขาว อุบัติเหตุ ได้รับโชค ได้ตำแหน่ง มีเนื้อคู่ ฉลาด หรือ โง่ เรียนจบสูง หรือ เรียนไม่จบ ฯลฯ เหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้นเมื่อวัยจร (ถนนชีวิต ตามหลักวิชาดวงจีน) เข้ามากระทบ เมื่อบุคคลเดินวัยจรดีส่งเสริมก็เกิดแต่เรื่องดีๆ กับบุคคลนั้น แต่เมื่อบุคคลเดินวัยจรร้ายก็ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ กับบุคคลนั้น ยกตัวอย่างเช่น บางคนในชีวิตอาจถูกกำหนดให้รวยในช่วงอายุ 40-50 ปี เพราะด้วยอาศัยวัยจรที่ส่งเสริมรูปดวง วิชาฮวงจุ้ยก็จะสามารถกระทำ หรือ เร่งเร้า ให้ผลนั้นเกิดขึ้นก่อนระยะเวลาที่ถูกกำหนดจากรูปดวงนั้น หรือ บางคนในช่วงชีวิตอาจถูกกำหนดให้ล้มละลายในช่วงอายุ 30-40 ปี เพราะวัยจรในช่วงนั้นส่งผลร้ายต่อรูปดวง วิชาฮวงจุ้ยก็จะสามารถทำให้ผลร้ายนั้นลดลง คือ จากหนักกลายเป็นเบาไปได้ แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นั้นก็ต้องเกิดขึ้นตามลิขิตของฟ้า นอกเสียจากว่าจะเกิดเรื่องเพียงเล็กน้อย ฮวงจุ้ยหรือศาสตร์อื่นๆ อาจทำให้เรื่องนั้นไม่เกิดขึ้นกับผู้นั้นเลยก็เป็นได้ ข้อนี้จึงเรียกว่า ไปลดเหตุ เพิ่มผล คือ ลดเหตุร้าย และ เพิ่มผลดีให้เกิดขึ้นไว แต่หากรูปดวงบุคคลผู้นั้นย่ำแย่ วิชาฮวงจุ้ยก็เพียงสามารถประคับประคองไม่ให้ผู้นั้นตกต่ำลงไป ไม่สามารถทำให้ผู้ร่ำรวยสูงส่ง หรือ ร่ำรวยไปมากกว่าที่ฟ้า (ดวงชะตา) กำหนดได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ หากจะมีผู้แอบอ้างว่า สามารถจัดฮวงจุ้ยให้รวยได้นั้น จงตระหนักไว้เลยว่า ร้อยละ 90 เชื่อถือไม่ได้ เพราะองค์ประกอบของการจัดฮวงจุ้ยแล้วรวย ไม่ใช่ว่าจะมีได้ทุกคน ทั้งนี้มีกฏข้อบังคับเรื่องของรูปดวงบุคคล ลักษณะชัยภูมิ ทิศทาง องศา ฤกษ์ยาม และ กฏข้อบังคับอีกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งผู้ที่จะกระทำการจัดฮวงจุ้ยดังกล่าวได้ ต้องเป็นผู้เข้าใจในระบบวิชาอย่างลึกซึ้งและแตกฉาน คำอ้างที่ว่า "จัดฮวงจุ้ยแล้วรวย" ก็เพียงแค่ผลทางการตลาด เพื่อที่จะหลอกล่อผู้สนใจที่มีความโลภหลงเชื่อเท่านั้น แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่ได้เกิดผลตามที่กล่าวอ้างเลย หากจะถามว่า "ทำอย่างไร จึงจะจัดฮวงจุ้ยให้ได้ผลดังที่ถามมา" ตอบว่า หากแม้นพิจารณาจากรูปดวงแล้ว เห็นว่าบุคคลผู้นั้น สามารถจะสร้างฐานะ คือ มีความร่ำรวยขึ้นมาได้ การจัดฮวงจุ้ยเพื่อได้ผลดังกล่าว คือ เริ่มตั้งแต่มีการเลือกทำเล หาองศา และ ทิศทางที่สัมพันธ์กับรูปดวงบุคคล อันประกอบไปด้วย ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ ลัคนา ในการวางฮวงจุ้ยบ้านใหม่ทั้งหลัง คือ มีการวางตั้งแต่เริ่มสร้าง ทุกตำแหน่งจะวางด้วยฮวงจุ้ยทั้งหมด จากนั้นซินแสจะทำนายผลในการวางว่าจะเกิดผลดี เมื่อใด คือได้รับผลจากฮวงจุ้ยเมื่อใด การแก้ไขฮวงจุ้ยบ้าน ให้ได้รับความร่ำรวย เป็นเรื่องทำได้ยาก เพราะต้องอาศัยองค์ประกอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจไม่ครบถ้วน ข้าพเจ้ามักอธิบายให้ศิษย์ฟังอยู่เสมอว่า "คนดวงดีไปอยู่ที่ไหนก็ดี แม้นเลือกฮวงจุ้ยก็เลือกฮวงจุ้ยได้ดี เลือกทำเลก็เลือกทำเลได้ดี เลือกองศาทิศทางก็เลือกได้เข้าตัวเองโดยอัติโนมัติ โดยไม่ต้องอาศัยหลักวิชาฮวงจุ้ยใดๆ เลย แม้การจัดบ้านก็จัดเข้ากับหลักวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูงโดยไม่ตั้งใจ แม้นประกอบธุรกิจหน้าที่การงาน ก็เข้ากับตนเองและชัยภูมิแถวนั้น เข้ากับองศาและทิศทางนั้นๆ แม้เลือกช่วงเวลากระทำการ ยังเลือกเข้าตามหลักวิชาชั้นสูงอย่างถูกต้องเลย" เรื่องนี้เป็นแปลกพอสมควร เป็นเช่นนี้จริงไม่ใช่น้อย มีจำนวนหลายร้อยรายที่ข้าพเจ้าเคยพบ ส่วนคนดวงตก แม้นจะเลือกบ้านก็เลือกบ้านที่มีชัยภูมิไม่ดี องศา และ ทิศทาง ก็ไม่เข้ากับรูปดวงตนเอง เลือกประกอบธุรกิจ หน้าที่การงานก็ไม่เข้ากับรูปดวงของตน ไม่เข้ากับชัยภูมิ องศา และ ทิศทางของบ้าน ขนาดช่วงเวลา ยังเลือกช่วงเวลาที่ทำลายตนเอง เป็นเช่นนี้จึงต้องมีซินแสเพื่อเป็นที่ปรึกษานั่นเอง ยังมีความแปลกประหลาดเกี่ยวกับรูปดวงบุคคลที่สัมพันธ์กับ ทิศทาง ชัยภูมิ และ พื้นที่ อีกเป็นจำนวนมาก อันเป็นผลจากการกระทำของ ฟ้า ดิน คน
ขออธิบายเพียงเท่านี้ มากไปกว่านี้ เดี๋ยวซินแสกำมะลอจะลอกไปโม้ และ แอบอ้าง ถามว่า ผลที่เกิดจากการจัดฮวงจุ้ย คือ อะไร? มันจะเหมือนเรื่องทฤษฎีนับกะ 2 ชั้น ของวิชา 64 ข่วย ที่ข้าพเจ้าเคยโม้เอาไว้ เพราะรู้ว่ามันจะมีคนมาหลอกหัวข้อหลักสูตร ซึ่งมันก็จริง ลูกศิษย์มาแจ้งว่า เอ้าอาจารย์เขามาลอกหัวข้อหลักสูตรไปแล้ว มีนับกะ 2 ชั้นจริงๆ ไอ้เราก็หัวเราะบอกเออดี ไปแก้บทความซะมันหลงกลเราแล้ว นับกะ 2 ชั้น อะไรนั้นแหล่ะ ผมไม่เคยเรียนหรอก ผมก็โม้ไปอย่างนั้นแหละ ผมรู้ว่ามันจะมีคนมาลอกหัวข้อหลักสูตรวิชา 64 ข่วย โดยพยายามเขียนหัวข้อหลักสูตรให้เหมือน ให้คนเรียนสับสน เรื่องนี้ มีอุปมาว่า “แกงสองหม้อ สีสัน หน้าตาเหมือนกัน แต่รสชาติต่างกัน” มันจะเหมือนกันยังไง คนเขาเป็นจริง กับ คนลอก เหมือนกันกับซินแสปลอมนั่นแหละ ถึงจะพยายามวางท่าให้เหมือน แต่งตัวให้เหมือนจนเกินเลย ความรู้ในหัวไม่มี หลอกได้เฉพาะพวกหลงภาพลักษณ์เท่านั้น หลายเดือนก่อนพบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน เมื่อคราวนัดกินข้าวกันตามประสากลุ่มเพื่อน กระทาชายนายหนึ่งในกลุ่ม อธิบายเรื่องวิชาฮวงจุ้ยเป็นควุ้งเป็นแคว บ้างมันก็บอกเป็นวิทยาศาสตร์ บ้างก็บอกว่า เป็นหลักวิชาชั้นสูง ถามไปถามมา แกใช้แค่วิชาเฮี่ยงคง ดาว 9 ยุค แต่แกยังมีมุกโม้ต่อว่า วิชาฤกษ์ 64 ข่วย ที่แกเรียนมา มันเจาะลึกละเอียดลงไปถึง DNA ใช้ฤกษ์กระตุ้นแล้ว ได้โชคลาภอย่างทันตาเห็น ไหนจะมีระบบกระตุ้นสมองให้ความจำดี เรียนหนังสือเก่ง นั่นน่ะแกพูด ข้าพเจ้ามันพวกคันปากเลยถามไปว่า แล้วทำยังไงถึงจะความจำดี เรียนหนังสือเก่ง แกก็บอกว่า ต้องหาฤกษ์ เวลาหาฤกษ์นี้นะ ต้องใช้หลักปี ไม่ก็หลักวันในการหา เมื่อได้ฤกษ์แล้วจะต้องทำการกระตุ้นด้วยการเคาะพื้น หรือ จุดประทัด น้านเขาโม้มา ข้าพเจ้าเลยบอกว่า เออดี เด็กไทยตามต่างจังหวัด หัวไม่ค่อยดีนะ สมัยนี้คนเป็นโรคความจำสั้นเยอะ วิชาที่แกเรียนมามันวิเศษจริงๆ ช่วยไปกระตุ้นตามโรงเรียนหน่อยสิ เด็กเกิดปีเดียวกันหมดทั้งชั้น กระตุ้นเลย เด็กจะได้ฉลาด ความจำดี ได้บุญด้วยนะ คราวนี้แหละเขาจะได้เลื่องลือว่า เป็นผู้มีคุณูปมาการต่อวงการศึกษาไทย เมื่อข้าพเจ้านิ่ง แล้วบอกว่า ใครเขาจะไปทำกัน ข้าพเจ้าสวน ทำไม!! จะทำไม่ได้ จะลองทำไหมล่ะ จะไปติดต่อโรงเรียนให้ สัก 100 โรงเรียน พอไหม แต่ทำแล้วต้องได้ผลตามที่โม้นะ ถ้าไม่ได้ จะให้เด็กนักเรียนทั้ง 100 โรงเรียน กระทืบให้ตาย ผลก็คือ อึ้ง ไปโดยปริยาย เมื่ออึ้ง ข้าพเจ้าก็ใส่ต่อว่า ไอ้วิชาดาว 9 ยุค ที่เรียนมานั้นน่ะ จะสอนให้เอาไหม ใช้เวลา 2 ชั่วโมงจบ ของหมูๆ คนเป็นจริงเขาไม่ใช่กันหรอกวิชาดาว 9 ยุค มีแต่พวกรู้แบบเด็กๆ เท่านั้นแหละที่ใช้ การจัดฮวงจุ้ยแล้วรวยจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีีองค์ประกอบเยอะเหลือเกิน สิ่งที่สำคัญอย่างแรกก็คือ เริ่มต้นตั้งแต่มีการคำนวณรูปดวง เพื่อหาองศาและทิศทาง และ พิจารณาชัยภูมิตามหลักการชั้นสูงว่า เป็นธาตุใด? เหมาะกับบุคคลนั้นหรือไม่? แล้วต้องพิจารณาองค์ประกอบของชัยภูมิว่า ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่? พลังของกระแสมาทางใด? ขี่มาทางใด? แล้วจะทำอย่างไร จึงจะนำเอากระแสนั้นมาส่งเสริมได้? แล้วกระแสที่มา เป็นกระแสที่ดีตามกฏฮวงจุ้ยหรือไม่? เมื่อผู้อาศัยจะเข้าไปอยู่จะต้องนำเอารูปดวงชะตาบุคคลมาคำนวณหาทิศทางที่สอดคล้อง ไม่ขัดต่อรูปดวง องศา และ ทิศทาง เรื่อง "ฤกษ์ยาม" นี่แหละ ที่ทำให้คนเป็นซินแสเลิกเป็นซินแสมาแล้วไม่ใช่น้อย ไม่ใช่ของศึกษาง่ายๆ เลย เคล็ดวิชาของวิชาฮวงจุ้ยอยู่ตรงนี้แหละ เพราะรูปดวงแต่ละแบบชอบรูปฤกษ์ไม่เหมือนกัน ถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว จัดแล้วมันรวยจริง แต่มีข้อแม้นะว่า รูปดวงคนของผู้นั้น ฟ้าต้องกำหนดให้รวย ซึ่งฮวงจุ้ยจะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ คือ ก่อนช่วงเวลาที่รูปดวงกำหนดให้รวย สำหรับคนที่ไม่ได้ตามนั้น ก็พึงทราบอย่างตอบมาตั้งแต่ต้นว่า ฮวงจุ้ยให้ผลอะไร ฮวงจุ้ยอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตของคนที่มีความตั้งใจทำมาหากิน ตั้งหน้าตั้งตาทำด้วยความขยัน ไม่ย้อท้อ แม้มีอุปสรรคเข้ามาในชีวิต ก็สู้ไม่ยอมถอย รับรองว่า ไม่ต้องพึ่งฮวงจุ้ยเลย อันนี้ คือเป็นไปตามที่ฟ้ากำหนดจะจน จะรวย จะสำเร็จ จะล้มเหลว ฟ้าเท่านั้นกำหนด คือ เป็นไปตามรูปดวง แต่สำหรับชาวจีนสมัยโบราณนั้น มีความเข้าใจที่แตกต่างออกไป โดยท่านทั้งหลายนั้น นอกจากจะมีความขยันหมั่นเพียร มุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคในชีวิต ขยันทำมาหากิน เก็บออมแล้ว ยังใช้ฮวงจุ้ยเป็นตัวช่วย ตัวเสริม เพื่อให้การประกอบกิจสำเร็จลุล่วงได้โดยง่ายดาย โดยไร้อุปสรรค ไม่ใช่ จัดแล้ว ถูกล็อตเตอรี่ หรือ ร่ำรวยขึ้นมาทันตาเห็น ด้วยการตั้งน้ำพุ จุดประทัด เคาะพื้น ตั้งของแก้ฮวงจุ้ย หลักการต่างๆ เหล่านี้ไม่เคยมีในวิชาฮวงจุ้ย ข้อนี้ไม่จริง เป็นของหลอกลวงของซินแสกำมะลอ ขออย่าได้หลงเชื่อจะเสียเงิน ถูกหลอกเอาได้ง่ายๆ ถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ซินแสที่เราเชิญมานั้นใช้วิชาอะไรจัดบ้านให้เรา? [1] วิธีการวัดองศาโดยใช้เข็มทิศ โดยละเอียด
หากเขาใช้วิชาชั้นสูง เช่น วิชาซำง้วน 64 ข่วย ฯลฯ จะมีหลักการ และ แนวทางการแก้ไข จะไม่เหมือนดังเอกสารสรุปที่ข้าพเจ้าทำให้เลยแม้แต่มุมเดียว ถามว่า ซินแสที่ดูดวงเก่ง จะเก่งวิชาฮวงจุ้ยไหม? 1. ปีที่แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉัน/ผม 2. ปีนี้จะมีเรื่องอะไรกับฉัน/ผม 3. เรื่องหน้าที่การงาน สุขภาพ การเงินของฉันเป็นอย่างไร ในปีที่แล้ว และปีนี้
หลายท่านที่สนใจในศาสตร์ฮวงจุ้ย มักได้ยินคำว่า “การแก้ฮวงจุ้ย” โดยการแก้ฮวงจุ้ยของหลายๆ คนทำเพื่อต้องการทำให้หน้าที่การงาน ครอบครัว สุขภาพ การเงิน ความรัก ฯลฯ ดีขึ้น การเชิญซินแสก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่หลายท่านได้ทำ โดยเข้าใจว่า ซินแสที่เราได้ทำการเชิญมานั้นเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และ เข้าใจในหลักวิชาฮวงจุ้ย แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า “ซินแส” ที่เราเชิญมาทำการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยนั้น แท้จริงแล้ว เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและเข้าใจในหลักวิชาฮวงจุ้ยจริง หรือว่าเขาผู้นั้นแค่โฆษณา อวดอ้างว่า ตัวเองเป็นผู้รู้ และ เข้าใจศาสตร์นี้เท่านั้น
คนบางคนอ้างตัวว่าเป็นซินแส เลยต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง โดยพยายามพูดไม่ชัด ให้ออกสำเนียงจีน บ้างก็ใส่เสื้อจีน เดี๋ยวนี้เดินกันให้เกลื่อน แทบชนกันตาย แต่คนพวกนี้ไม่รู้จริงสักคน มีคำโบราณประเภทหนึ่งบอกว่า “กลองอัปรีย์ไม่มีคนตีมันก็ดัง เพราะกลองใกล้จะพัง มันจะตีตนเอง” จากคำโบราณนี้ ก็เหมือนพวกซินแสที่ซื้อโฆษณาโผล่หน้าสลอนตามสื่อต่างๆ ทีวี หนังสือพิมพ์ ฯลฯ เพื่อให้ตัวเองดัง มีชื่อเสียง เพราะตนไม่มีความรู้ความสามารถพอจะทำให้ดังขึ้นมาได้ โดยมุ่งหวังให้คนที่สนใจศาสตร์ดังกล่าวเชื่อถือ และ จ้างตนไปทำการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ย คนไม่รู้ก็หลงตกเป็นเหยื่อ คนพวกนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินจากผู้สนใจศาสตร์ดังกล่าว คนเช่นนี้เรียกว่า “กลองใกล้จะพัง มันจะตีตนเอง” ทุกท่านต้องพึงทราบว่า การแก้ไขฮวงจุ้ย การตรวจฮวงจุ้ยบ้าน อาคาร สำนักงาน โรงงาน ฯลฯ สำหรับวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูงตามแบบปรมาจารย์ การจัดการฮวงจุ้ยนั้นแก้กันครั้งเดียว ปรับกันครั้งเดียว ต้องดีตลอดชีวิต เพราะความไม่รู้จริงของซินแสกำมะลอ จึงมักแนะนำให้มีการแก้ไขฮวงจุ้ยทุกปี ความจริงแล้วมิใช่แก้ไขปรับเปลี่ยนกันทุกปี แม้สามปีแก้ทีก็ไม่ควรมีด้วยซ้ำ โดยถ้าทำเช่นนั้นแล้วถือว่า เป็นวิธีการของวิชาพื้นฐาน หากหลักการการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยนั้นดี และ ถูกต้องจริง ฉะนั้น คำถามที่ตามมาก็คือ ในเมื่อหลายๆ สำนัก และ ซินแสหลายๆ คนต่างอวดอ้างว่า วิชาที่ตนใช้คือ สุดยอดวิชาฮวงจุ้ย แล้วทำไม ต้องมีการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยตลอดทุกๆ ปี สุดยอดวิชา!!! จะต้องเปลี่ยนไปตลอดเลยหรือ ถ้าอย่างนั้นเรียก ดีไม่จริง ดีไม่คงทน ดีแตกทุกปี พอข้าพเจ้ากล่าวอย่างนี้ เขาก็แก้ตัวว่า เพราะพลังงานเปลี่ยน การโคจรของดาวเปลี่ยน ดาวจรมันเปลี่ยนไป นั่นคือ ที่เขาอ้าง จริงๆ แล้ว มันเป็นวิธีการที่จะเรียกเอาเงินจากลูกค้า ซึ่งก็คือ ผู้ซึ่งเชิญซินแสรายนั้นๆ ไป ไม่ว่าจะเพื่อสิ่งใดก็ตามแต่ หลักใหญ่ๆ จะเป็นไปเพื่อ 1. การขายของแก้ไขฮวงจุ้ย 2. การขายฤกษ์ยามในการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ย 3. การเรียกเก็บเงินค่าเชิญในครั้งใหม่ การพิจารณา Profile ประวัติการศึกษาวิชาฮวงจุ้ยของซินแสท่านนั้น ก็ควรต้องทราบเช่นกันว่า ศึกษามาจากที่ใด สำเร็จวิชาอะไร อย่าหลงเชื่อคำพูดเพ้อเจ้อ จะถูกหลอกเอาโดยง่าย เช่น ซินแสบางรายอาจแอบอ้างว่า เรียนมาจากต่างประเทศทั่วโลก การอ้างว่า "เรียนมาทั่วโลก" ใครก็อ้างได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่า เรียนมาจริงหรือไม่จริง บางคนอาจหัวใส ไปยืนถ่ายรูปคู่กับคนนั้นที คนนี้ที เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วอ้างว่าไปเรียนกับคนโน้นคนนี้ วิชาโหราศาสตร์จีน อันได้แก่ วิชาฮวงจุ้ย ดวงจีน และ โดยเฉพาะระบบฤกษ์ยาม มีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ของศึกษาให้เข้าใจได้โดยง่าย ต้องประกอบภาคทฤษฎี และ ภาคปฏิบัติ อีกอย่างอาจารย์ผู้รู้จริง ย่อมไม่ยอมถ่ายทอดวิชาให้แก่ใครโดยง่าย ต้องอาศัยการทดสอบ นิสัยใจคอ และ ดูความประพฤติของคนผู้นั้น เป็นระยะเวลานานพอสมควร เมื่ออาจารย์มั่นใจแล้ว จึงจะยอมถ่ายทอดวิชาชั้นสูงให้ หากมีคนอ้างว่า บินไปเรียนมาจากอาจารย์ทั่วโลก ก็คงได้เรียนแค่พื้นฐานบางอันเท่านั้น เพราะการจะศึกษาวิชาโดยใช้ระยะเวลาไม่ต่อเนื่อง และ ระยะเวลาไม่ถึงเดือนนั้น ยากจะเข้าถึงวิชาชั้นสูงได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ผู้สนใจควรรู้ด้วย การทดสอบที่ดี คือ การสร้างสถานการณ์ให้เกิด เพื่อทดสอบบุคคล โดยกระตุ้นให้เห็นพฤติกรรมซ่อนแฝง เพื่อทดสอบจิตใจ คือ ลองใจ เมื่อเกิดเรื่อง จะเห็นสันดานของบุคคลได้เป็นอย่างดี บางคนยอมพูดจาบิดเบือน แต่งนิยายขึ้นมาจับเอาแพะกับแกะมาผสมเพื่อทำลายล้างผู้อื่น และ เพื่อให้ตนพ้นความผิดทั้งๆ ที่ตนเองรู้อยู่แก่ใจ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก คนชั่วย่อมทำทุกวิธีการเพื่อให้ตนเองถูกต้อง บางคนอ้างว่า คนอื่นไร้ซึ่งคุณธรรม แต่ตนนั่นแหละไร้คุณธรรมเสียเอง เพราะตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คุณธรรมคืออะไร? บางคนอาจหนีเอาตัวรอด หรือ ทำลอยตัว เพราะไม่ต้องการเจ็บตัว อย่างนี้มีเห็นในทุกวงการ ฉะนั้น เมื่ออาจารย์ผู้สอนเห็นว่า ศิษย์คนใดมีพฤติกรรมที่ต่างจากที่คาดหวัง ก็อาจงดเว้นการสอน หรือ อาจสอนวกไปวนมาก็เป็นได้ ทั้งนี้เพราะไม่ต้องการให้วิชาตกอยู่ในมือของคนชั่ว หรือ คนไม่มีคุณธรรมในจิตใจ ซินแส หรือ อาจารย์ฮวงจุ้ยบางราย อาจสร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยการอ้างว่า ศึกษาวิชามา 10-20 ปี การศึกษามา 10-20 ปี คือ ต้องศึกษาทุกวัน ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 10-20 ปี ไม่ใช่ระยะเวลาเรียนต่อเนื่องรวมกันไม่ถึง 1 ปี นั้นแสดงว่า เรียนมาแค่ไม่ถึง 365 วัน นอกจากนั้น ฟุ้งหลงทางไปอีก 9-19 ปี อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่า เรียนมา 10-20 ปี ต้องแยกแยะให้ดี แล้วอีกอย่าง การที่บางคนอ้างว่าเรียนมา 10-20 ปี นั้น อาจเรียนวิชาพื้นๆ มาตลอดชีวิต หรือไม่ก็ วิชาที่ไม่สามารถใช้งานได้ผลจริง ระยะเวลาที่เรียนไม่ใช่สิ่งบ่งบอกว่าเขาผู้นั้นสำเร็จวิชาชั้นสูง จงใคร่ครวญให้ดีก่อน แล้วจึงเชื่อ ฉะนั้น ระยะเวลาในการศึกษาของผู้ที่จะก้าวขึ้นเป็นซินแสแท้จริงนั้น อาจต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 7 ปี สำหรับผู้อัจฉริยะ หรือ 10 ปี สำหรับผู้มีสมองปานกลาง นี่คือ รวมทั้งภาคทฤษฎี และ ภาคปฏิบัติ คำว่า 7 ปีนั้น คือ ต้องศึกษาทุกวัน ไม่ใช่ศึกษาอาทิตย์ละ 1 วัน วันละไม่ 4-5 ชั่วโมง ต่อกัน 3-4 อาทิตย์จบ หรือ แม้จะบินไปเรียนมา 6-7 วัน ติดต่อกันก็ไม่ได้ความว่า จะเข้าถึงเคล็ดวิชา ต่อให้เรียนมากับผู้ที่อ้างว่า สืบสายมาจากหยางกง (เอี๊ยะกง) ก็ตาม ยิ่งถ้ามีคนแอบอ้างว่า เรียนมาในสายเอี๊ยะกง ต้องชำนาญในวิชา 64 ข่วยขนาดหนัก และ ต้องรู้จักสูตรวิชา 64 ข่วย อันได้แก่ จ๋อเคี้ยงเหี่ยงเคี้ยงเหี่ยงลิ่วจุ้ย ไหนจะสูตรแซจื้ออีก ถ้าศึกษาวิชา 64 ข่วย ไม่รู้จักแซจื้อ ทำแซจื้อไม่เป็น ก็ตาย สูตรจัดฮวงจุ้ยบ้านตามกฏ 64 ข่วย คือ มั่ว คง โท่ว จุ้ย อีกสิ่งก็คือ อิ๊งซี้จึ่งเบ้าซี้ฮวก อันนี้ไม่ใช่รู้จักแต่ชื่อ ต้องทำเป็น ใช้เป็น ไม่ใช่โม้เป็นอย่างเดียว พอใช้ไม่เป็น ลงท้ายก็จะแก้เกี้ยวว่า เขาไม่ใช้กัน เอ้า!! ถ้าเขาไม่ใช้กันเขาจะพูดถึงทำไม เพราะนี่คือ เคล็ดสุดยอดของวิชา 64 ข่วย หากระยะเวลาศึกษาไม่ต่อเนื่องถึง 2 ปี จะรู้ได้แค่ไหน ที่รู้ ก็รู้งูๆ ปลาๆ ผิวเผินเท่านั้นแหละ อย่างนี้เรียนให้ตายก็ใช้ไม่ได้ผล จริงไม่จริง..รู้อยู่แก่ใจ หรือแม้จะใช้ระยะเวลาเรียนต่อกันสิบปี ผลก็ไม่ชัดเจน มีคำกล่าวว่า “คนเห็นไม่หัน คนหันยังไม่เห็น” มันก็เหมือนกับคนตาดีอยู่ไกลแสงไฟก็มองเห็นความสว่าง ส่วนคนตาเสียแม้อยู่ใกล้แสงไฟ มันก็มองไม่เห็นแสง เรื่องนี้จริงดังว่า คนที่เป็นแล้ว เข้าถึงที่สุดของวิชาแล้ว ไม่วิ่งไปวิ่งหา เที่ยวไล่ล่าศึกษาวิชาด้วยความกระหายจากที่ใดทั้งสิ้น แต่คนที่ยังไม่เป็นยังเข้าไม่ถึง รู้จิตใจตนเอง แม้จะพยายามกล่าวอ้างโพทนาว่า ตนรู้จริงทั้งหมดแล้ว แต่ยังเที่ยวตระเวนไล่ล่าศึกษาวิชาด้วยความกระหาย ซ้ำยังพยายามลอกเลียนวิชาการจากแหล่งข้อมูลที่ตนอ้างว่า “เขารู้ไม่จริง” ก็ในเมื่อบอกว่า เขารู้ไม่จริง จะลอกไปทำไม!? อย่างนี้เรียกกลืนเสลดตัวเอง ไม่ใช่กลืนน้ำลาย อย่างนี้เรียก ชั่วเข้าขั้น คนแบบนี้แหละที่จะทำให้วงการโหราศาสตร์จีนเสื่อม สูญสิ้น คนแบบนี้แหละที่จะทำให้คนที่สนใจโหราศาสตร์จีนเข้าใจว่า วิชาฮวงจุ้ยไม่มีอยู่จริง เป็นแค่นิทานหลอกลวง ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เพื่อให้ผู้สนใจได้ทราบว่า วิชาโหราศาสตร์จีน..ไม่ใช่ของศึกษาได้โดยง่าย ไม่ใช่ว่าใครจะเป็นซินแสได้ง่ายๆ
1. แก้ไขไม่ได้ ต้องย้าย ข้อนี้ได้แก่ ลักษณะบ้าน หรือ อาคารที่ไม่เข้ากับรูปดวงบุคคล และ ชัยภูมิสิ่งแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ในการแก้ไขฮวงจุ้ยของบ้าน/อาคารนั้นๆ ซึ่งไม่พบว่า จะมีซินแสรายใดในประเทศไทยที่ให้ทำเช่นนี้ เพราะโดยส่วนใหญ่เมื่อไปถึง จะตั้งหน้าตั้งตาแนะนำวิธีการแก้ไขฮวงจุ้ยอย่างเดียว มันจะได้ผลหรือไม่ได้ผล กูไม่รู้ กูรู้อย่างเดียวมาแล้ว ต้องแนะนำเขา เพื่อแลกกับเงินอั่งเปา การแนะนำให้ย้ายออก เนื่องจาก ฮวงจุ้ยไม่เอื้ออำนวย ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อรูปดวง จะมีแต่ในสายของข้าพเจ้าเท่านั้น คือ ยึดว่า “แก้ได้ต้องได้ผล ไม่แก้คือแก้ไม่ได้” เพราะหากพบเจอลักษณะบ้าน หรือ อาคาร ที่ประกอบด้วยชัยภูมิที่ไม่ถูกต้อง องศา และ ทิศทาง ไม่เข้ากับรูปดวงบุคคลแล้ว ในสายของของข้าพเจ้าจะแนะนำให้เจ้าของบ้านย้ายในทันที ในข้อนี้คือ ไม่สามารถแก้ไขได้ สำหรับเงินอั่งเปา ซินแสในสายของข้าพเจ้าก็จะไม่ขอรับ คือ กลับในทันที เพราะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว เพราะซินแสมักอ้างว่า แก้อย่างนี้ แก้อย่างนั้น ตั้งน้ำพุ น้ำตก โคมไฟสีต่างๆ ทาสี ติดฮู้ ติดกระจก วางพรมสีต่างๆ วางแจกันใส่ดอกไม้สี ฯลฯ โดยส่วนใหญ่คนเหล่านี้ไม่ใช่ซินแสแท้จริง เป็นแค่เพียงบุคคลที่ยกตนขึ้นมาเป็นซินแส โดยอาศัยความรู้จากการอ่านหนังสือที่มีวางขายทั้งในประเทศไทย และ ต่างประเทศ อาศัยครูพักลักจำ และ การลอกเลียนแบบมาจากบุคคลผู้รู้จริง เท่านั้น และ การไปบ้าน/อาคารในแต่ละครั้ง คนเหล่านี้จะอ้างว่า สามารถแก้ไขฮวงจุ้ยบ้าน/อาคารนั้นได้ โดยแนะนำวิธีการดังกล่าวมาแล้ว แล้วก็รับเงิน และ กลับไป หลังจากนั้นแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่าจะเกิดผลสิ่งใดขึ้น เพราะแท้จริงเขาไม่ได้รู้อะไรเลย แค่มาเอาเงินซองอั่งเปา แล้วก็ทำท่าเลียนแบบให้เหมือนซินแสเท่านั้น แท้จริงแล้ว ไม่ได้รู้อะไรเลย ที่รู้มาก็เพียงแค่จากการอ่าน และ การคัดลอกมาเท่านั้น เหล่านี้ล้วนไม่ใช่หลักการกระตุ้นตามหลักวิชาฮวงจุ้ยทั้งสิ้น ล้วนเป็นวิธีการของซินแสกำมะลอที่เสแสร้งแกล้งทำ ด้วยไม่เข้าใจคำว่า “กระตุ้น” นั้นเอง หลักการกระตุ้นนั้น สามารถแบ่งแยกวิธีการกระตุ้น ออกได้ถึง 24 หลักการ หรือ 64 หลักการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองศา และ ทิศทางที่สัมพันธ์กับรูปดวงบุคคลอันประกอบด้วย ปี เดือน วัน ยาม
ข้อสำคัญ ก่อนวัดองศา ไม่มีการใช้องศาแดด หรือ กล้องวัดองศา ต้องใช้หล่อแก (เข็มทิศจีน) ในการวัดองศาบ้านเท่านั้น หากจะมีผู้อ้างว่า หล่อแก (เข็มทิศจีนไม่มีความแม่นยำ) เพราะอาจคลาดเคลื่อนจากกระแสแม่เหล็ก หรือ โลหะ ผู้เชิญซินแสต้องถามว่า “แล้วมีสิ่งใดยืนยันได้ว่า องศาที่ท่านวัดด้วยองศาแดด และ กล้องวัดองศา แม่นยำกว่า หล่อแก” อย่าปล่อยให้ซินแสที่เชิญมานั้นเล่านิทานอะไรให้ฟัง จงถามต่อไปว่า “ซินแสลองทำนายหน่อยซิว่า องศาบ้านหลังนี้ คนที่อาศัยในบ้านนี้ จะเกิดเรื่องอะไร? แล้วจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นภายในบ้าน?” หากซินแสทำนายได้ถูกต้อง ชัดเจน จึงค่อยเชื่อว่า องศาแดด และ กล้องวัดองศานั้น แม่นยำ แม้หากท่านพบซินแสที่มีหล่อแกเป็นเครื่องมือก็ควรถามเช่นเดียวกัน เพราะตามกฏของซินแสนั้น เราจะทราบว่า เราวัดองศาได้ถูกต้องหรือไม่ ก็ด้วยอาศัยการทำนาย หากทำนายผิดพลาด ก็เท่ากับว่า เราวัดองศาผิด เพราะบ้านแต่ละองศา ในแต่ละเขา ย่อมแสดงผล และ ส่งผลให้บุคคล และ ก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมายขึ้นในบ้าน ไม่เสมอกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลกระทบของรูปดวงบุคคลที่แสดงผลต่อองศาบ้านหลังนั้นๆ [1] ไม่มีการแนะนำ ให้บิดองศาเพื่อเอียงกำแพงหลังบ้าน ประตู ศาลตี่จู่เอี๊ยะ โต๊ะทำงาน เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า และ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน เพราะในระบบวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง ทุกอย่างต้องอยู่ในแนวตั้งฉากกับตัวบ้านทั้งสิ้น [2] ไม่มีการแนะนำ ยุทธวิธีทางการขาย เช่น การแนะนำให้มีการลดราคาสินค้า แผนการส่งเสริมการตลาด ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกันกับการจัดฮวงจุ้ย [3] ไม่มีการแนะนำ ให้ตั้งตู้ปลา หรือ น้ำพุ (เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีในหลักวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง) [4] ไม่มีการแนะนำ ให้ตั้งรูปปั้น น้ำเต้า ดาบ ยันต์ ฮู้ เรือสำเภา จิ้งจก คางคก เต่า มังกร ผีซิ่ว หรือ รูปปั้นแปลกๆ [5] ไม่มีการแนะนำ ให้ติดแผ่นซีดี ติดดินสอ หลอดไฟสีแดง การวางโคมไฟรูปทรงประหลาด แจกันดอกไม้ [6] ไม่มีการแนะนำ ให้ตั้งอ่างน้ำผุด อ่างน้ำเกลือ อ่างใส่เหรียญ น้ำตก ทั้งนอกบ้าน และ ในบ้าน [7] ไม่มีการแนะนำ ให้วางพรมเช็ดเท้าสีเขียว สีแดง หรือ สีต่างๆ (เป็นเรื่องของการจัดแต่งบ้านพักอาศัยที่ใครๆ ก็สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องอาศัยซินแส) [8] ไม่มีการแนะนำ ให้ติดกระจกนูน กระจกเว้า กระจกแปดทิศ ติดกระดิ่งลม กังสดาล [9] ไม่มีการแนะนำ ให้ซื้อของปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ย หรือ ใช้อุปกรณ์ในการแก้ไขปรับแต่งฮวงจุ้ยเพิ่ม แม้แต่ชิ้นเดียว [10] ไม่มีการแนะนำ ให้ตัดต้นไม้เพื่อเปิดรับลม เปิดหน้าต่างเพื่อรับลม หลักการนี้ไม่มีในวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง [11] ไม่มีการแนะนำ ให้มีการทาสีตามมุมต่างๆ ของบ้าน หลักการนี้ไม่มีในวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง [12] ซินแสต้องไม่ใช้วิชาเฮี่ยงคงปวยแช (ดาว 9 ยุค ของสำนักเฮี่ยงคง) [13] ซินแสต้องสามารถทำนายความเจริญรุ่งเรืองของบ้านหลังนั้นๆ ได้ “เกี๊ยะอุ่ง” ว่า จะเจริญรุ่งเรืองไปกี่ปี [14] ซินแสต้องสามารถทำนายได้ว่า “การปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยที่กระทำนั้นตามคำแนะนำของซินแสจะได้รับผลใด และ ผลจากการวางฮวงจุ้ยนั้น จะเกิดเมื่อใดโดยต้องระบุ ปี เดือน วัน ยาม ที่จะเกิดผล” คุณสมบัติทั้ง 14 ข้อ เป็นเหมือนพื้นฐานคุณสมบัติของซินแสแท้จริงควรต้องทราบ หากคุณสมบัติทั้ง 14 ข้อนี้ไม่มีในตัวซินแส ขอให้ยกเว้นการเชิญ หรือ หากเชิญไปแล้ว ก็ไม่ควรให้เงินซองอั่งเปา เพราะจัดแล้ว ก็เหมือนกับไม่ได้จัด ถ้าจัดแล้วเหมือนกับไม่ได้จัด จะเสียเงินทิ้งเปล่าทำไม เก็บไว้ให้ลูก ให้เมีย หรือ เอาไปซื้อของเข้าบ้าน ยังจะดีกว่า การแก้ไขฮวงจุ้ยที่ถูกต้องคือ ไม่ต้องแก้ไขอะไรเลย และทางที่ดีที่สุด คือ ต้องมีการปรึกษาซินแส ตั้งแต่มีการเริ่มก่อสร้าง ซินแสที่ดีก็เหมือนหมอที่ดีต้องแนะนำสิ่งที่เหมาะสมให้กับคนไข้ รู้ว่าอะไรคือ ต้นเหตุของโรค ถึงจะแนะนำวิธีรักษาให้ได้อย่างเหมาะสม หากหมอไม่สามารถวิเคราะห์ และ วินิจฉัยโรคได้ ก็ไม่สามารถทำการรักษา หรือ ให้ยาแก่คนไข้ได้ถูกต้อง
หมายเหตุ Sages เผยแพร่บทความนี้เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2552 เวลา 18.08 น. สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติปี 2537 ห้ามมิให้นำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความดังกล่าว ไปดัดแปลง แก้ไข หรือทำซ้ำ เพื่อนำไปใช้สอน หรือ เผยแพร่ ในทางพาณิชย์ โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Sages Academy และ มีตราประทับเท่านั้น อ่านบทความคุยกับซินแสทั้งหมด >>> คลิ๊กที่นี่ |