พุธ, 25 ธันวาคม 2024
Home นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด


ภาพนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Sages Academy ห้ามมิให้ผู้ใด นำไปทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือ เผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Sages Academy ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย






ซินแส และ จัดฮวงจุ้ย ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ!!!!


(บทความนี้มีความยาวประมาณ 12 หน้า A4 แต่สำหรับผู้สนใจวิชาโหราศาสตร์จีน อันได้แก่ วิชาฮวงจุ้ย ดวงจีน และ ฤกษ์ยาม ควรตั้งใจอ่านให้จบ และ พิจารณาตามไปด้วย จะทำให้ท่านกระจ่างแจ้ง และ ไม่โดนหลอกลวงจากซินแสกำมะลออีกต่อไป)



บทความนี้ ข้าพเจ้าเขียนขึ้นมาตามคำเรียกร้องของหลายๆ คน ที่ข้าพเจ้าเคยไปทำการแก้ไขฮวงจุ้ยให้ตามคำเชิญของเขา แต่มีอยู่รายหนึ่ง จะขอเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์สอนใจผู้สนใจฮวงจุ้ยได้เป็นอย่างดี คือ เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนเขาจะรู้จักข้าพเจ้าจากการแนะนำของเพื่อนนั้น เขาได้เชิญซินแสมาจัดฮวงจุ้ยถึง 3 คน ทุกคนใช้ลีลาวิธีการต่างกันทั้งสิ้น


ซินแสรายแรก อ้างว่า ใช้วิชาหมวกดำ รายนี้คิดเงินค่าดูเพียง 15,000 บาท ให้ตั้งตู้ปลา น้ำพุ ให้ทำการติดฮู้ กระจกยันต์ ตั้งเรือสำเภา เทพเจ้าจีน และ ลูกแก้ว ทาสีบ้านทั้งหลังด้วยสีม่วง และ ของแก้ฮวงจุ้ยจำนวนมาก ซึ่งต้องซื้อจากเขาทั้งหมด เฉพาะค่าของแก้ฮวงจุ้ยหมดไปประมาณแสนกว่าบาท เมื่อจัดแล้วก็ไม่มีผลดีเกิดขึ้นตามที่กล่าวอ้าง


ซินแสรายที่สอง คิดเงินค่าดู 12,000 บาท อ้างว่า ใช้วิชา 64 ข่วย และ ดาว 9 ยุค โดยใช้วิชา 64 ข่วย ดึงกระแสเข้าบ้าน และ ใช้วิชาดาว 9 ยุค จัดบ้าน วิธีการก็คือ ให้บิดเอียงประตูบ้าน ให้ตั้งน้ำพุ ติดสติ๊กเกอร์โป๊ยข่วยก่อนฟ้า และ ให้ตั้งสิ่งของสารพัด ผลก็คือ เมื่อจัดแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่กล่าวอ้าง


ซินแสรายที่สาม คิดค่าดู 20,000 บาท เมื่อมาถึงก็นั่งสาธยายว่า วิชาฮวงจุ้ยเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เป็นเวลาเกือบชั่วโมง จากนั้นก็เดินตรวจดูบ้าน แนะนำให้บิดเอียงประตูบ้าน แล้วแนะนำให้ตั้งน้ำพุ ให้ทาสีห้องใหม่ ให้เปิดหน้าต่างเพื่อรับลม ให้ตัดต้นไม้ที่บังหน้าต่างออก โดยอ้างว่า เล้งจะมาทางนี้ ต้นไม้ขวางทางเล้ง และ แนะนำฤกษ์ให้ทำการเคาะพื้นบ้านทุกวัน ที่หนักคือ ให้จุดประทัดกระตุ้น เพื่อรับเอาโชคลาภก้อนใหญ่ จนเกิดเสียงดังจนคนในหมู่บ้านนั้นร้องเรียน ต้องขึ้นโรงพัก ฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความรำคาญ ผลก็คือ เมื่อจัดแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่กล่าวอ้าง


ผลจากการจัดฮวงจุ้ยของซินแสทั้งสามทำให้เขาคิดว่า “วิชาฮวงจุ้ย” เป็นแค่เรื่องหลอกลวง ไม่มีอยู่จริง ซินแสก็คงเป็นแค่อาชีพของคนขี้เกียจ ที่หวังหลอกเอาเงินจากผู้สนใจศาสตร์ฮวงจุ้ยเท่านั้น นี่คือ สิ่งเกิดขึ้นจากผลที่ 3 ซินแสกำมะลอได้กระทำขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวมาโดยตลอด กลัวมากกว่าการที่เหล่าซินแสกำมะลอ จะลงขันจ้างมือปืนมายิงข้าพเจ้าซะอีก เพราะข้าพเจ้าไม่เคยกลัวเลย สำหรับเรื่องการลอบทำร้าย


ผู้อ่านบทความนี้สังเกตไหมว่า “น้ำพุ” คือ สิ่งที่ทั้ง 3 ซินแสกำมะลอเลือกใช้ เพราะเหตุใด ซินแสกำมะลอทั้งหลายจึงเชื่อว่า “น้ำพุ” เป็นสิ่งที่สามารถกระตุ้นให้เกิดโชคลาภได้ เรื่องนี้เริ่มต้นเกิดขึ้นในประเทศฮ่องกง โดยกลุ่มซินแสกำมะลอที่นั้น อ้างว่า “น้ำพุ และ ตู้ปลา” สามารถกระตุ้นโชคลาภได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เกิดความเชื่อว่า เมื่อจัดฮวงจุ้ยสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ “น้ำพุ และ ตู้ปลา” เมื่อข้าพเจ้าไปถึงบ้านของบุคคลผู้ได้รับโชคแจ็คพ็อตที่โดนหลอกมาถึง 3 ครั้ง ข้าพเจ้าเห็นน้ำพุอยู่ สิ่งแรก คือ เดินไปถอดปลั๊กไฟน้ำพุ แล้วถามเจ้าของบ้านว่า “ทำไมต้องตั้งน้ำพุ เพื่อความสวยงาม หรือว่าเพราะผลทางฮวงจุ้ย?” เจ้าของบ้านบอกว่า “ซินแสที่มาทุกคนให้วางน้ำพุทั้งหมด” ข้าพเจ้าถามว่า “รู้ไหมวิชาฮวงจุ้ย มันเกิดขึ้นมาแล้วมากกว่า 5,000 กว่าปี และเมื่อเกิดมาแล้ว 5,000 กว่าปี น้ำพุมันมีแล้วเหรอสมัยนั้น กำมะลอทั้ง 3 คนเป็นใคร? อาจารย์เขาชื่ออะไร? เรียนมาจากสำนักไหน? สายใด? เรียนวิชาอะไรมา? จึงมาอ้างว่า ตั้งน้ำพุ ตู้ปลา แล้วจะทำให้เกิดโชคลาภ ทำไม..ไม่ถามเขาล่ะว่า “ทำไม..ซินแสไม่ไปแนะนำคนให้ตั้งตู้ปลาตามบ้านค่ะ ถ้าเขาได้โชคลาภ ร่ำรวยตามที่ซินแสอ้างขึ้นมานี่ รับรองว่า ซินแสรายนั้นไม่ต้องเสียเงินซื้อเวลาออกทีวี ซื้อพื้นที่โฆษณาตามหนังสือพิมพ์ และ นิตยสาร แล้วมาอ้างว่า เขามาขอสัมภาษณ์ จะดังขึ้นมาทันที รู้จักไหมการตลาดแบบบอกปากต่อปาก หรือว่า จะอาศัยการโฆษณาชวนเชื่อเพียงอย่างเดียว จะให้บอกต่อคงลำบาก เพราะไปจัดที่ไหนไม่เคยได้ผลเลย ฉะนั้น การที่เขาจะบอกปากต่อปากเรื่องนี้ อย่างนี้อาจเข้าทำนอง อันลมปากหวานหูไม่รู้หาย แต่ลมข่าวลือ พือสะพัดอาจจนตาย” เจ้าของบ้านบอก อืม อาจารย์อธิบายซะเห็นภาพเลยนะค่ะ



จากนั้น ข้าพเจ้าจึงเดินตรวจดูฮวงจุ้ยบ้านของเขาต่อ โดยการพิจารณาผลกระทบของชัยภูมิต่อรูปดวงของเขาทั้ง ปี เดือน วัน ยาม รวมถึงผลกระทบขององศา และ ทิศทางที่ส่งผลต่อรูปดวงของเขา วันนั้น ข้าพเจ้าทำนายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนั้นหลายเรื่อง จนเจ้าของบ้าน ซึ่งแรกๆ ไม่ค่อยเชื่อถือข้าพเจ้าเท่าไหร่ เพราะเห็นว่า ข้าพเจ้าอายุน้อย และแต่งตัวธรรมดา (เสื้อยืด กางเกงยีนส์) แสดงความสนใจในตัวข้าพเจ้าขึ้นมาทันที จากนั้น จึงแนะให้แก้ไขตามแบบที่ข้าพเจ้าได้ศึกษามา เมื่อถึงเวลาที่จะกลับ ข้าพเจ้าบอกว่า การจัดฮวงจุ้ยที่ให้จัดนี้ส่งผลให้ดีขึ้นแค่ 40 ส่วน จาก 100 ส่วน เพราะมีหลายอย่างที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องด้วยองค์ประกอบของชัยภูมิ เจ้าของบ้านรายนั้นถามข้าพเจ้าว่า เอ้า!! แล้วไม่มีของแก้ฮวงจุ้ยอันอื่น แบบพวกที่เคยมาทั้ง 3 เหรอค่ะอาจารย์ ข้าพเจ้าบอกไม่มีหรอก ถ้ามีผลก็คงเหมือนคนทั้ง 3 นั้นแหละ ระยะนี้รอฤกษ์แล้วกัน ผมจะโทรบอกเองว่า จะให้ทำอะไรยังไง? เมื่อไหร่? ก่อนล่วงหน้าสัก 2 วัน และ ถ้าหากมีอะไร มีข้อสงสัยโทรหาผมได้ตลอด แล้วข้าพเจ้าก็รับส้มไหว้ครู เขายื่นซองอั่งเปาให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเปิดออกเห็นธนบัตรชนิดละ 1,000 บาท จำนวนหนึ่ง จึงนับดูต่อหน้าของเขา มีจำนวนทั้งสิ้น 8,000 บาท (แหม..ให้น้อยกว่าให้พวกกำมะลอซะอีก 555) ข้าพเจ้ายื่นเงินกลับคืนให้เขา 4,000 บาท พร้อมทั้งบอกว่า แก้ได้เท่านี้ เอาเท่านี้พอ เดี๋ยวหาว่าผมเขี้ยว เขาเขินไม่กล้ารับ ข้าพเจ้าย้ำว่า รับไปเถิด ถ้าไม่รับ วันหลังมีอะไรจะเรียกใช้ผม ผมไม่มานะ

จากที่กล่าวมาข้างต้น แสดงให้เห็นถึงข้อมูลที่แท้จริง ตลอดจนแนวทางในการพิจารณาคุณสมบัติของซินแส และ การแก้ไขฮวงจุ้ยตามแบบวิชาโบราณที่แท้จริง โดยมิได้ Apply อวดอ้าง และ นำวิชาอื่นใดเข้าไปผสม จนทำให้เกิดความผิดเพี้ยนจากหลักวิชาที่มีมาอยู่แต่โบราณ ข้าพเจ้ามิได้มีเรื่องบาดหมางใจกับเหล่าซินแสกำมะลอ หรือ ขัดผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับคนเหล่านั้นเลย แต่การกระทำของข้าพเจ้าเพื่อปกป้องรักษาวิชาของเหล่าปรมาจารย์ มิให้ถูกบิดเบือน ถูกทำลาย จากผู้ไม่รู้จริง บทความต่างๆ ที่ข้าพเจ้าเขียนจะออกแนวลูกทุ่งๆ ใช้ภาษาพูดธรรมดา อาจไม่ถูกใจผู้มีส่วนได้เสียกับซินแสกำมะลอนัก แต่มันจะเป็นเทียนส่อง เป็นแนวทาง ให้แก่ผู้สนใจโหราศาสตร์จีน ระบบ ฟ้า ดิน คน


ในบทความ ข้าพเจ้ามิได้ดูถูกเหยียดหยามโหราศาสตร์อื่นใด ข้าพเจ้าเคารพวิชาความรู้ของโหราศาสตร์ทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นของชาติใด ภาษาใด สิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ คือ การปกป้องศาสตร์อันสูงค่า อันถูกคิดค้นโดยภูมิปัญญาของบรรพชน แต่กลับถูกผู้แสวงหาผลประโยชน์ ย่ำยี บิดเบือน อันผลเสียจะตกอยู่แก่ผู้ไม่รู้ ข้าพเจ้ามีความยินดี และ ภูมิใจเป็นอย่างสูง ที่คนที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์สอนฮวงจุ้ยกำมะลอ ซินแสกำมะลอ และ ผู้ร่วมขบวนการ รวมไปถึงผู้กระหายวิชาโดยใช้วิธีการทุกวิธีการ แม้จะเป็นเรื่องผิด หรือ บิดเบือน เป็นแฟนพันธุ์แท้บทความทุกบทในเว็บ Sages ฉะนั้น ขณะที่กำลังอ่านอยู่นี่ ก็ให้รู้ว่า ข้าพเจ้ารู้ว่า ท่านกำลังคิดอะไร และจะทำอะไร ข้าพเจ้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อสอนให้ผู้สนใจ ชี้ให้ผู้สนใจฉลาดขึ้น เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อของพวกท่าน แต่การกระทำนั้นต้องเป็นไปด้วยวิธีการที่สะอาดบริสุทธิ์เท่านั้น คือ ตีด้วยวิชาการ และ ความรู้ คงไม่ใช่วิธีลอบกัด ใส่ร้าย ป้ายสี บิดเบือน อย่างที่พวกท่านกระทำเป็นแน่

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าพเจ้าพร้อมด้วยคณะศิษย์ เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่พยายามอธิบาย เปิดเผย ชี้แนะ และ เปิดโปง รวมถึงให้ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์จีนแก่บุคคลทั่วไปอย่างถูกต้อง ซึ่งมันก็เป็นธรรมดาว่า ย่อมต้องขัดผลประโยชน์ และ ไม่ถูกใจจากกลุ่มบุคคลที่แสวงหาประโยชน์จากผู้สนใจฮวงจุ้ย ซึ่งข้าพเจ้าและคณะศิษย์ เรียกกลุ่มบุคคลเหล่านั้นว่า “กลุ่มบุคคลซินแสกำมะลอ” ฉะนั้น หากบุคคลใดไม่พอใจ สามารถไปพบข้าพเจ้าได้ตลอดเวลายังสถานที่ที่ข้าพเจ้าสอน (ถ้ากล้า)



ดังนั้น การพยายามกล่าวบิดเบือนใส่ร้ายข้าพเจ้า ให้หมดความน่าเชื่อถือด้วยประการต่างๆ นานา เพื่อให้แนวทางในการล่อลวงคนของตนบรรลุซึ่งผลสำเร็จ ก็ไม่อาจสามารถล้มล้างให้ความตั้งใจของข้าพเจ้าลดลงได้ ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังมีลมหายใจอยู่ ข้าพเจ้าก็จะยังทำลายล้าง ล้มล้าง “กลุ่มบุคคลซินแสกำมะลอ” อยู่ดี แม้ว่า

- ข้าพเจ้าไม่ได้จบมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุด 1 ใน 2 ของประเทศ แต่มหาวิทยาลัยที่ข้าพเจ้าจบก็มีชื่อเสียงมากในอันดับต้นๆ ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ทรงความรู้ทางระบบโหราศาสตร์จีนสักตารางนิ้วเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว คนจบมหาวิทยาลัยชื่อดัง ก็คงเป็นซินแสระดับโลกทุกคน

- ข้าพเจ้าไม่ได้ทำแผนการตลาด และ ส่งเข้าประกวดจนได้รับรางวัลที่หนึ่ง ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ทรงความรู้ทางระบบโหราศาสตร์จีนสักตารางนิ้วเดียว เพราะข้าพเจ้าถือว่า วิชาโหราศาสตร์จีนไม่ใช่ การตลาด ไม่ใช่การค้าขาย มีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อน และ ผู้ที่สนใจวิชาโหราศาสตร์จีนเท่านั้น ฉะนั้น หากจะมีผู้อ้างว่า ตนเก่งการตลาด จนประกวดแผนการตลาดจนได้รับรางวัล ก็ให้เข้าใจว่า บุคคลผู้นั้น จะใช้หลักการตลาด ในการล่อลวงผู้สนใจระบบโหราศาสตร์ให้เข้าใจผิด และ คลาดเคลื่อน โดยไม่สนใจว่า หลักการ และ การนำไปใช้งานจะได้ผลหรือไม่ก็ตาม ขออย่างเดียว ให้ได้มาซึ่งผลของการทำการตลาดนั้น ซึ่งก็มักจะเป็นเช่นนั้นทุกคน

- ข้าพเจ้าไม่ได้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เป็นการแสดงให้เห็นว่าเป็นคนจีน ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ทรงความรู้ทางระบบโหราศาสตร์จีนสักตารางนิ้วเดียว แต่ข้าพเจ้าชอบใส่เสื้อเชิ้ต หรือ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ บางครั้งก็ใส่รองเท้าแตะ ใส่เสื้อผ้าตามแบบที่คนปกติเขาใส่กัน เพราะวิชาความรู้ของข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า ข้าพเจ้ามีความรู้แท้จริง เสื้อผ้าที่แสดงให้เห็นว่าเป็นคนจีน ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าบรรลุวิชาชั้นสูง นอกจากจะหลอกคนโง่ได้เท่านั้น

- ข้าพเจ้าไม่ใช่นักวาดภาพได้รางวัลอันดับหนึ่ง ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ทรงความรู้ทางระบบโหราศาสตร์จีนสักตารางนิ้วเดียว ข้าพเจ้าไม่มีเวลาไปนั่งวาด เพราะเวลาของข้าพเจ้าถูกใช้ในการศึกษาวิชาโหราศาสตร์จีน

- ข้าพเจ้าไม่ใช่ปรมาจารย์ฮวงจุ้ย 1 ใน 3 ของโลก เพราะไม่รู้ว่าใครกันไปรับรองว่า ที่ 1 2 และ 3 ใช้มาตรฐานอันใดในการตั้ง หรือ เพียงยกตนเองขึ้นมาเท่านั้น เพื่อสร้างภาพ และ ความน่าเชื่อถือ เพื่อจะหลอกลวงคน คนเราถ้าลองเป็นปรมาจารย์แล้ว วิชาพื้นๆ อย่างดาว 9 ยุค เขาไม่ใช้กัน ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นวิชาหมวกสีอะไรก็ตาม

- ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้ศึกษาวิชา ฮวงจุ้ย ดวงจีน ฤกษ์ยาม มาจากปรมาจารย์ทั่วโลก เพราะไม่รู้ว่าปรมาจารย์ทั่วโลก ที่มีคนอ้างถึงนั้น เป็นปรมาจารย์แท้จริง หรือ เป็นพวกกำมะลอเหมือนอย่างศิษย์เขา เท่าที่เห็นรู้สึกว่า จะลอกวิชาจากลูกศิษย์ปรมาจารย์ในประเทศไทย


- ข้าพเจ้าไม่มีใครทิ้งตำราคัมภีร์ไว้ให้ ไม่มีซินแสแถวบ้านสอน เพราะข้าพเจ้ามีเพียงอาจารย์เท่านั้นที่สอน ครั้นจะศึกษาจากคัมภีร์ คัมภีร์ก็ถูกบันทึกไว้เฉพาะเคล็ดวิชาที่เกิดจากประสบการณ์ของอาจารย์ แต่ทั้งนี้ ก็ยังต้องอาศัยอาจารย์อธิบายเพิ่มเติมอยู่ดี เพราะการตีความจากคัมภีร์ผิดเป็นสิ่งล่อแหลม และ เกิดผลเสีย มีคนกล่าวว่า "เคล็ดวิชาไม่อยู่ในตำรา แต่จะออกจากปากปรมาจารย์" แหม คำพูดนี้คมจริงๆ คมจนบาดคอคนพูดเอง แต่คนกล่าวนี้ลอกตำรามาทั้งดุ้น แม้ถึงไปเที่ยวศึกษากับใครที่ไหน อาจารย์ผู้สอนเหล่านั้นก็แปลตำรา ตีความตำรามาสอน ไม่ใช่ผู้สืบสายวิชาเลย ขนาดคัมภีร์ของเอี๊ยะกง (หยางกง) เพียงไม่กี่เล่ม มีผู้ตีความออกมาแตกต่างกัน มากกว่า 20 แบบ ต่างคนต่างอ้างว่า ตัวเองถูก ทั้งนี้ เพราะขาดผู้รู้จริง สั่งสอนชี้แนะ แล้วยังไงต่อล่ะ ก็ใช้คนที่สนใจนั้นแหละเป็นหนูตะเภาลองยา ลองผิด ลองถูก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทุกปี หรือ ทุกครั้งที่ได้ยินหลักการอะไรที่ดูจะเข้าท่า อันนี้รับรองว่า เปลี่ยนอีก 30 ปี ลอกอีก 30 ปี ยังคงไม่จริงเหมือนเดิม จะให้ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ยังไงก็ตาม ก็ยังมั่วอยู่ตลอด ต่อให้ลอกจนตาย ก็ยังมั่วอยู่เหมือนเดิม เป็นที่น่าแปลกใจว่า บรรดาอาจารย์สอนฮวงจุ้ยที่อ้างตัวว่า เรียนมาอย่างเพียบพร้อมนั้น เปลี่ยนหลักสูตร วิชาการสอนไปทุกปี ไม่เฉพาะเนื้อหาการสอน แม้วิชาที่ใช้ยังเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ วันนี้บอกว่า "อันนี้ถูก" อีกสองวันบอกว่า "ใช้ไม่ได้แล้ว" แล้วผลนี้ตกอยู่กับใคร ถ้าไม่ใช่ผู้สนใจ

ข้าพเจ้าไม่เคยปรารถนาที่จะไปเที่ยวหาศึกษาวิชาโหราศาสตร์จีนจากผู้ใดอีก เพราะความรู้ที่มีอยู่นั้น ถูกต้อง ครบถ้วน และ ใช้งานได้จริง ซึ่งข้าพเจ้าได้เห็นผลนั้นมากับตานับครั้งไม่ถ้วน ไม่เคยเที่ยวไปอัพเดรท ลอกเลียนวิชาจากผู้ใดในโลก หรือ ส่งคนไปเรียนจากสำนักต่างๆ เพื่อนำมาลอกใส่ในสื่อการเรียนการสอนของตน ข้าพเจ้าก็ไม่เคยทำเลยสักครั้ง แต่!!! กลับมีคนพยายามคัดลอกบทเรียน วิชาการ หัวข้อ หรือ ส่งคนเข้ามาเรียน เพื่ออะไร???? ก็เพราะจะนำเอาเนื้อหาวิชาการไปแอบอ้างนั่นเอง มันก็เป็นเรื่องแปลก คนที่ประกาศปาวๆ ว่า ตนรู้ครบ รู้ถ้วน รู้ทุกแขนงวิชา กลับหน้าด้านลอกเนื้อหาวิชาการคนอื่น ลอกแม้กระทั่งหัวข้อหลักสูตร ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยล่วงรู้เลยว่า เนื้อหาข้างใน มันคืออะไร อย่างนี้ผู้สนใจควรพิจารณา

- ข้าพเจ้ายังเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน และ ยังไม่ใช่เจ้าของกิจการใดๆ แค่เพียงมีหุ้นส่วนน้อยนิดในบางบริษัทเท่านั้น ฉะนั้น บางครั้งเงินของข้าพเจ้าอาจไม่พอใช้ เป็นของธรรมดาของมนุษย์ และ เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยไปคดโกงหลอกลวงผู้ใด ข้าพเจ้าสร้างตนเองขึ้นมาจากศูนย์ โดยไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากบิดามารดาของข้าพเจ้า หรือ อาศัยสิ่งที่บิดามารดาสร้างไว้ให้เป็นทุนเดิม เพราะข้าพเจ้าถือว่า ข้าพเจ้าโตแล้ว ควรจะดูแลตนเองให้ดี และ สร้างตัวเองขึ้นมาด้วยตนเอง ไม่ควรทำให้บิดามารดาของตนเดือดร้อน และ ควรบำรุงบิดามารดาของตนตามแบบอย่างของบุตรที่ดี หากมีทรัพย์เหลือมาก ก็นำไปช่วยเหลือบริจาคผู้อื่นที่ยังขาดแคลน เช่น นักเรียนที่ด้อยโอกาส วัด และ โรงพยาบาล ซึ่งก็กระทำมาโดยตลอดทั้งชีวิต โชคชะตาฟ้า (คือ รูปดวง) ได้กำหนดให้ข้าพเจ้ามีอยู่ตามอัตภาพของตน จนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าถือว่า ข้าพเจ้าบรรลุซึ่งความต้องการของตนอย่างครบถ้วน ตามที่เคยปรารถนามาตั้งแต่เด็กโดยสุจริต ถึงข้าพเจ้าจะมิได้ร่ำรวย ข้าพเจ้าก็ยังมีอัตภาพของตนบริบูรณ์ มิได้ขอใครกินทั้งสิ้น แต่ข้าพเจ้ายังมีทรัพย์ที่สูงค่า อันได้รับการถ่ายทอดมาจากปรมาจารย์วิชาการโหราศาสตร์จีนทั้งหลาย

- ข้าพเจ้าทรงความรู้ทางระบบโหราศาสตร์จีน ระบบ ฟ้า ดิน คน อันเป็นนามธรรม แต่ข้าพเจ้ามีคุณวุฒิ มีความรู้ ความเข้าใจ ในระบบโหราศาสตร์จีนอย่างแตกฉาน อันพิสูจน์ได้เป็นรูปธรรมโดยการแสดงออกด้วยผลของวิชา สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการ คือ ต้องการให้ผู้สนใจโหราศาสตร์จีน ระบบ ฟ้า ดิน คน ทุกคน ตื่นขึ้นจากอาการเคลิบเคลิ้มจากโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มซินแสกำมะลอ และ จากการบิดเบือนหลักวิชาโหราศาสตร์จีน ระบบ ฟ้า ดิน คน จนเละเทะไปหมด เพื่อผลประโยชน์ ซึ่งก็คือ “เงิน

มีผู้ซึ่งพยายามลอกเลียนระบบวิชา แม้กระทั่ง หัวข้อการสอนของข้าพเจ้า รวมไปถึงแนวคิด วิธีการ หลักการที่ข้าพเจ้าเอ่ยในเว็บไซต์ของ Sages หรือ มีการส่งสายเข้ามาศึกษาวิชาเพื่อนำไปคัดลอกสอน หรือ ตั้งตัวสอนก็มี แล้วแอบอ้างว่า เป็นของตน หรือ ศึกษามาจากที่อื่น แต่สำหรับตัวข้าพเจ้านั้น เมื่อคิดเช่นใดก็พูดออกเช่นนั้น อาการเสแสร้งแกล้งกระทำ หรือ การกระทำตัวต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง ไม่เคยมีอยู่ในตัวข้าพเจ้า การสร้างภาพยิ่งไม่เคยเกิดขึ้นในตัวข้าพเจ้า ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ฉะนั้น การลอบกัด ทรยศหักหลังย่อม เนรคุณ วัดรอยเท้า หรือ ทำลายล้างครูบาอาจารย์ ย่อมไม่เคยบังเกิดในความคิด และ ตัวตนของคนอย่างข้าพเจ้า ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าเป็นผู้เจริญในวิชาโหราศาสตร์จีน ผลก็คือ บรรลุถึงเคล็ดวิชาตามที่ครูบาอาจารย์สั่งสอน ลักษณะตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่พอใจไปถึงที่ นี่คือ พฤติกรรมที่มีมาโดยตลอด หากหมดซึ่งข้าพเจ้า (ข้าพเจ้าตายไปแล้ว) ข้าพเจ้าก็ไม่ได้แน่ใจว่า จะมีผู้ใดที่จะออกมาเรียกร้อง และ รักษาไว้ซึ่งระบบวิชาที่ถูกต้อง เพื่ออนุชนรุ่นหลังจะมิได้หลงทาง และ ไปเข้าใจว่า วิชาโหราศาสตร์จีนเป็นของหลอกลวง และ เชื่อถือมิได้



คนทั้งหลายโดยส่วนใหญ่ล้วนมุ่งหวังผลประโยชน์ ต้องการสร้างชื่อเสียง จนลืม "คุณธรรม" และ "ความถูกต้อง" มากกว่าที่จะรักษาวิชาให้คงไว้สืบไปเพื่อให้ลูกหลานได้รู้ว่า เหล่าปรมาจารย์โบราณมีภูมิปัญญาที่สูงส่งเกินกว่าอนุชนจะเข้าใจ เพราะหลักการทั้งหลายของวิชาโหราศาสตร์จีน ล้วนอธิบายพฤติกรรม และ ความเป็นไปของธรรมชาติ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกมนุษย์นี้ทั้งสิ้น เป็นวิชาอภิปรัชญาที่อยู่สูงขึ้นไป เหนือกว่าวิทยาศาสตร์ใดๆ จะสามารถอธิบายได้เลย
   
หากจะมีผู้กล่าวอ้างว่า วิชาวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายระบบโหราศาสตร์จีนได้นั้น ก็ขอให้เข้าใจว่า บุคคลผู้อ้างนั้น มิได้เข้าถึงวิชาโหราศาสตร์จีนขั้นสูงเลย เพียงแค่รู้โดยผิวเผินเท่านั้น ธรรมดาของคนโง่มักอวดฉลาด สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีมาคู่โลกมนุษย์นี้โดยตลอด ฉะนั้น สิ่งที่คนโง่พยายามทำ คือ พยายามหาเหตุผลไปเทียบเคียงหลักวิชาชั้นสูง และ พยายามอธิบายด้วยความไม่รู้ของตน ส่วนคนโง่อีกจำพวกก็หลงเชื่อ และ ยึดถือเป็นแนวทาง โดยที่ไม่รู้ว่า พวกตนกำลังหลงทาง แท้จริงแล้ว ฟ้า (รูปดวง) นั่นแหละที่มีอิทธิพล กำหนดมาให้คนสูงส่ง โง่เขลา ฉลาดหลักแหลม รวย จน สำเร็จ ล้มเหลว โดยที่ไม่มีใคร หรือ ผู้ใดจะไปฝืนลิขิตฟ้าได้แม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม



ทำไมต้องจัดฮวงจุ้ย
   
หลักวิชาโหราศาสตร์จีน สาขาวิชาฮวงจุ้ย มีไว้เพื่อให้บุคคล ลดเหตุ เพิ่มผล อันเกิดจากการกระทำของฟ้า (รูปดวง) แต่จะให้ได้เกินกว่าฟ้ากำหนดคงเป็นไปมิได้ คนบางคนมักใหญ่ใฝ่สูง มุ่งหวังว่าจะให้สูงเด่นกว่าผู้ใด หากแม้นว่าเข้าใจวิชาโหราศาสตร์จีนแล้วไซร้จะรู้ว่า ไม่มีใครหลีกหนีจากชะตาฟ้าได้เลย ฉะนั้น หากมีผู้เข้าใจผิด หรือ เข้าใจเพราะได้ข้อมูลมาผิดพลาดว่า “จัดฮวงจุ้ยแล้ว..รวย จัดฮวงจุ้ยแล้ว..สามารถฝืนชะตาฟ้าได้” ควรทราบว่า “ท่านนั้นผิดถนัด” ผิดจากหลักวิชาที่ปรมาจารย์อธิบายไว้ในระบบโหราศาสตร์จีน และ เมื่อเข้าใจอย่างนั้น ย่อมตกเป็นเหยื่อของซินแสกำมะลอ แท้จริงแล้ววิชาโหราศาสตร์จีนสาขาวิชาฮวงจุ้ย มีไว้เพื่ออะไร สิ่งนี้ควรเข้าใจ และ ควรทราบ บทความนี้ถูกเผยแพร่ในวันที่ 4 สิงหาคม 2552 แต่หลักการที่จะกล่าวต่อไปนี้ เคยถูกอธิบายมาก่อนหน้านี้โดยข้าพเจ้าเองประมาณ 1 ปี ที่แล้ว ฉะนั้น หากมีบุคคลใดก็ตามนำเอาสิ่งนี้ จะด้วยใจความทั้งหมด หรือ พยายามอธิบายเพียงส่วนหนึ่งส่วนใด แต่ยังคงเนื้อความ หรือ ก่อให้เกิดความเข้าใจในลักษณะดังที่ข้าพเจ้ากล่าว แล้วนำไปกล่าวอ้างเพื่อประกอบการสอน หรือ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ขอได้โปรดทราบว่า เขาผู้นั้นมิใช่ผู้รู้จริง เป็นแต่เพียงลอกเลียนมา เพียงเพื่อให้ตนเองมีความน่าเชื่อถือในสายตาผู้อื่นเท่านั้น จึงควรระวัง และ ถอยออกให้ห่างในทันที
   
สิ่งที่ข้าพเจ้าจะอธิบายต่อไปนี้เกิดจากความแตกฉานในระบบวิชาโหราศาสตร์จีน ระบบ ฟ้า ดิน คน ความดีอันใดอันจะเกิดขึ้น ด้วยอานิสงค์แห่งการอธิบายนี้แก่ผู้สนใจในศาสตร์ฮวงจุ้ย ข้าพเจ้ายกให้แก่ปรมาจารย์ผู้คิดค้นวิชา



ถามว่า วิชาฮวงจุ้ยคืออะไร? มีกี่ระบบ?
ตอบว่า วิชาฮวงจุ้ย คือ วิชาซึ่งเกี่ยวข้องกับลักษณะ รูปแบบ พฤติกรรม และ อธิบายความเป็นไป ประกอบด้วยความเปลี่ยนแปลง และ อานุภาพของธรรมชาติ อันส่งผลกระทบต่อชีวิตทุกชีวิตบนโลกมนุษย์นี้ ฉะนั้น หากมีผู้เข้าใจศาสตร์วิชาฮวงจุ้ยอย่างถ่องแท้ ก็ย่อมสามารถเลือกเฟ้นลักษณะของธรรมชาติ ทั้งชัยภูมิ พื้นที่ องศา และ ทิศทาง ที่สัมพันธ์กับรูปดวงบุคคลตลอดทั้ง ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ ลัคนา รวมไปถึง พฤติกรรมที่เร่งเร้าให้มนุษย์ และ สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย มาช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรง มีความคิดความอ่านเพื่อให้สามารถวางแผนการในชีวิตได้สำเร็จ และ การดำเนินชีวิตที่ไร้อุปสรรค รวมไปถึงประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หลักใหญ่ คือ เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ และ ร่างกาย ส่วนเรื่องการเงิน และ การงาน เป็นเรื่องรอง สำหรับคำถามที่ว่า "วิชาฮวงจุ้ยมีกี่ระบบ" ตอบว่า วิชาฮวงจุ้ยชั้นสูงมี 2 ระบบ อันได้แก่


  • ระบบวิชาฮวงจุ้ย 24 ทิศทาง ก่อให้เกิดสัมพันธ์ 24 ทิศทาง ซึ่งผลกระทบต่อ ปี เดือน วัน ยาม บุคคล แม้คนเกิดปีเดียวกัน เดือนเดียวกัน วันเดียวกัน แต่เกิดต่างเวลากัน ยืนยันว่า มีผลแตกต่างกัน ไม่เสมอกัน ฉะนั้น หากจะมีผู้กล่าวว่า วิชาฮวงจุ้ยเป็นวิทยาศาสตร์ ก็จะเนื่องด้วยความไม่แตกฉาน และ ไม่รู้จริง เนื่องจาก รูปดวงบุคคล อันประกอบด้วย ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ ลัคนา ตามระบบวิชามีมากถึง 12,960,000 รูปแบบ แยกหญิงชาย เท่ากับว่า รูปดวงจำนวน 12,960,000x2 จะเท่ากับ 25,920,000 รูปแบบ เมื่อนำไปพิจารณาร่วมกับทิศทางอีก 24 ทิศทาง จะมีปฏิกริยามากถึง 622,080,000 รูปแบบ ใครล่ะ!! ไปนั่งเก็บสถิติ ไปนั่งวิจัยผล อันนี้พูดแบบคร่าวๆ ยังไม่ลงรายละเอียดลึก

  • ระบบวิชาฮวงจุ้ย 64 ทิศทาง ก่อให้เกิดสัมพันธ์ 64 ทิศทาง ซึ่งผลกระทบต่อ ปี เดือน วัน ยาม บุคคล แม้คนเกิดปีเดียวกัน เดือนเดียวกัน วันเดียวกัน แต่เกิดต่างเวลากัน ยืนยันว่า มีผลแตกต่างกัน ไม่เสมอกัน ฉะนั้น หากจะมีผู้กล่าวว่า วิชาฮวงจุ้ยเป็นวิทยาศาสตร์ ก็จะเนื่องด้วยความไม่แตกฉาน และ ไม่รู้จริง เนื่องจาก รูปดวงบุคคล อันประกอบด้วย ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ ลัคนา ตามระบบวิชามีมากถึง 12,960,000 รูปแบบ แยกหญิงชาย เท่ากับว่า รูปดวงจำนวน 12,960,000x2 จะเท่ากับ 25,920,000 รูปแบบ เมื่อนำไปพิจารณาร่วมกับทิศทางอีก 64 ทิศทาง จะมีปฏิกริยามากถึง 1,658,880,000 รูปแบบ ใครล่ะ!! ไปนั่งเก็บสถิติ ไปนั่งวิจัยผล อันนี้พูดแบบคร่าวๆ ยังไม่ลงรายละเอียดลึก


ทั้งสองระบบวิชามีรูปแบบของ ฟ้า ดิน คน อันได้แก่ ระบบรูปดวงบุคคล อันประกอบด้วย ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ ลัคนา ระบบฤกษ์ยาม ระบบการพิจารณาชัยภูมิ การคำนวณองศา และ ทิศทาง เป็นเอกเทศตามแบบของๆ ตน ไม่มีการหยิบยืมของระบบอื่นมาใช้แทน

ถามว่า วิชาฮวงจุ้ยทำให้รวยได้ไหม?
ตอบว่า ได้ แต่ก่อนอื่นต้องให้คำจำกัดความของคำว่า "รวย" ก่อน คำว่า "รวย" ที่ถามนั้น หมายถึง มีเงินมากเท่าใด 1 ล้านถือว่า รวยไหม? 10 ล้านถือว่า รวยไหม? 100 ถือว่า รวยพอไหม? ถ้ายังไม่พอ ไม่รู้ว่าคำว่า "รวย" จะจบที่เท่าใด คำว่า "รวย" แท้จริง คือ มีพอใช้จ่ายไปตลอด และ มีเก็บออม แต่คำว่า "รวย" นั้น ต้องอาศัย การทำงาน ทำมาหากิน ประกอบด้วยความมัธยัสถ์ อดออม ไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือย อีกทั้งคนที่จะมีเงินเก็บ และ ประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องพิจารณาจากรูปดวงบุคคล ประกอบด้วยว่า ฟ้า (ดวงชะตา) ให้มาเท่าใด ไม่ใช่ เพราะองค์ประกอบของวิชาฮวงจุ้ยเพียงอย่างเดียว เรื่องทั้งหมดดวงชะตาเป็นผู้กำหนด จะพบเจอผู้รู้จริง หรือผู้รู้มั่วก็ฟ้า (ดวงชะตา) นั้นแหละกำหนด มีคำกล่าวว่า "บุคคลผู้สะสมความดีมา ย่อมได้ครูบาอาจารย์ดี และ ครูบาอาจารย์ที่รู้จริง" อันนี้ก็เป็นจริงเหมือนอย่างโบราณกล่าวไว้


ฉะนั้น การจัดฮวงจุ้ยให้รวยได้ หรือไม่รวย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปดวงบุคคลด้วย หากฟ้า (ดวงชะตา) กำหนดให้บุคคลผู้นั้นมีเท่าใด ก็สามารถมีได้แค่เท่านั้น วิชาฮวงจุ้ยเป็นเพียงส่วนที่เข้าไป ลดเหตุ เพิ่มผล ของรูปดวงบุคคลเท่านั้น กล่าวคือ บุคคลเกิดมานั้นล้วนมีรูปดวง อันประกอบด้วย ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ และ ลัคนา เป็นของๆ ตนทุกคน ชะตาชีวิตอันนี้ล้วนถูกกำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น ความยากดี มีจน ความสำเร็จ สมหวัง ล้มเหลว สวย หล่อ สูง ต่ำ ดำ ขาว อุบัติเหตุ ได้รับโชค ได้ตำแหน่ง มีเนื้อคู่ ฉลาด หรือ โง่ เรียนจบสูง หรือ เรียนไม่จบ ฯลฯ เหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้นเมื่อวัยจร (ถนนชีวิต ตามหลักวิชาดวงจีน) เข้ามากระทบ เมื่อบุคคลเดินวัยจรดีส่งเสริมก็เกิดแต่เรื่องดีๆ กับบุคคลนั้น แต่เมื่อบุคคลเดินวัยจรร้ายก็ทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ กับบุคคลนั้น ยกตัวอย่างเช่น บางคนในชีวิตอาจถูกกำหนดให้รวยในช่วงอายุ 40-50 ปี เพราะด้วยอาศัยวัยจรที่ส่งเสริมรูปดวง วิชาฮวงจุ้ยก็จะสามารถกระทำ หรือ เร่งเร้า ให้ผลนั้นเกิดขึ้นก่อนระยะเวลาที่ถูกกำหนดจากรูปดวงนั้น หรือ บางคนในช่วงชีวิตอาจถูกกำหนดให้ล้มละลายในช่วงอายุ 30-40 ปี เพราะวัยจรในช่วงนั้นส่งผลร้ายต่อรูปดวง วิชาฮวงจุ้ยก็จะสามารถทำให้ผลร้ายนั้นลดลง คือ จากหนักกลายเป็นเบาไปได้ แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นั้นก็ต้องเกิดขึ้นตามลิขิตของฟ้า นอกเสียจากว่าจะเกิดเรื่องเพียงเล็กน้อย ฮวงจุ้ยหรือศาสตร์อื่นๆ อาจทำให้เรื่องนั้นไม่เกิดขึ้นกับผู้นั้นเลยก็เป็นได้ ข้อนี้จึงเรียกว่า ไปลดเหตุ เพิ่มผล คือ ลดเหตุร้าย และ เพิ่มผลดีให้เกิดขึ้นไว แต่หากรูปดวงบุคคลผู้นั้นย่ำแย่ วิชาฮวงจุ้ยก็เพียงสามารถประคับประคองไม่ให้ผู้นั้นตกต่ำลงไป ไม่สามารถทำให้ผู้ร่ำรวยสูงส่ง หรือ ร่ำรวยไปมากกว่าที่ฟ้า (ดวงชะตา) กำหนดได้เลย


เมื่อเป็นเช่นนี้ หากจะมีผู้แอบอ้างว่า สามารถจัดฮวงจุ้ยให้รวยได้นั้น จงตระหนักไว้เลยว่า ร้อยละ 90 เชื่อถือไม่ได้ เพราะองค์ประกอบของการจัดฮวงจุ้ยแล้วรวย ไม่ใช่ว่าจะมีได้ทุกคน ทั้งนี้มีกฏข้อบังคับเรื่องของรูปดวงบุคคล ลักษณะชัยภูมิ ทิศทาง องศา ฤกษ์ยาม และ กฏข้อบังคับอีกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งผู้ที่จะกระทำการจัดฮวงจุ้ยดังกล่าวได้ ต้องเป็นผู้เข้าใจในระบบวิชาอย่างลึกซึ้งและแตกฉาน คำอ้างที่ว่า "จัดฮวงจุ้ยแล้วรวย" ก็เพียงแค่ผลทางการตลาด เพื่อที่จะหลอกล่อผู้สนใจที่มีความโลภหลงเชื่อเท่านั้น แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่ได้เกิดผลตามที่กล่าวอ้างเลย หากจะถามว่า "ทำอย่างไร จึงจะจัดฮวงจุ้ยให้ได้ผลดังที่ถามมา" ตอบว่า หากแม้นพิจารณาจากรูปดวงแล้ว เห็นว่าบุคคลผู้นั้น สามารถจะสร้างฐานะ คือ มีความร่ำรวยขึ้นมาได้ การจัดฮวงจุ้ยเพื่อได้ผลดังกล่าว คือ เริ่มตั้งแต่มีการเลือกทำเล หาองศา และ ทิศทางที่สัมพันธ์กับรูปดวงบุคคล อันประกอบไปด้วย ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ ลัคนา ในการวางฮวงจุ้ยบ้านใหม่ทั้งหลัง คือ มีการวางตั้งแต่เริ่มสร้าง ทุกตำแหน่งจะวางด้วยฮวงจุ้ยทั้งหมด จากนั้นซินแสจะทำนายผลในการวางว่าจะเกิดผลดี เมื่อใด คือได้รับผลจากฮวงจุ้ยเมื่อใด การแก้ไขฮวงจุ้ยบ้าน ให้ได้รับความร่ำรวย เป็นเรื่องทำได้ยาก เพราะต้องอาศัยองค์ประกอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจไม่ครบถ้วน

ถามว่า วิชาฮวงจุ้ยสำคัญต่อชีวิตมากแค่ไหน? จำเป็นไหมต้องจัดฮวงจุ้ย? แล้วคนที่ไม่ได้จัดฮวงจุ้ยทำไมถึงร่ำรวย และประสบความสำเร็จในชีวิต?
ตอบว่า ฮวงจุ้ยสำคัญต่อชีวิต และถึงเราไม่จัดฮวงจุ้ยเราก็อาศัยอยู่ในฮวงจุ้ยทุกคน เพราะฮวงจุ้ย คือ สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็น สิ่งก่อสร้าง องศา พื้นที่ แม่น้ำ ลำคลอง ถนน ภูเขา ฯลฯ อันส่งผลกระทบต่อตัวเราทั้งสิ้นทั้งเรื่องดี และ เรื่องร้าย แต่การจัดฮวงจุ้ยตามหลักวิชานั้น หรือ การเลือกทำเลตามศาสตร์วิชาฮวงจุ้ยนั้น ต้องอาศัยผู้มีความรู้ ความเข้าใจแท้จริง ในการเลือกทำเลที่เหมาะสมกับรูปดวง อันได้แก่ ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ ลัคนา ของเรา เพื่อให้ช่วยไปลดเหตุ เพิ่มผลที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตของเรา ทั้งเรื่องดี เรื่องร้าย หลักใหญ่ของการจัดฮวงจุ้ย จะได้รับผลคือ สุขภาพที่แข็งแรง ส่วนเรื่องอื่นเช่น การเงิน การงาน ฯลฯ เป็นเรื่องรอง สำหรับคำถามที่ว่า "จำเป็นไหมที่ต้องจัดฮวงจุ้ย" ตอบว่า แล้วแต่ความต้องการของใคร ตามที่ตอบมาแล้วจากคำถามก่อนหน้านี้ว่า มีหลายคนที่ไม่ได้จัดฮวงจุ้ยก็ประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่น้อย ฉะนั้น คำถามที่ว่า "จำเป็นไหมที่จะจัดฮวงจุ้ย" ตอบว่า "ไม่จำเป็น" ยกเว้น คนที่ต้องการตัวช่วยให้สะดวก และ คล่องเท่านั้น หากจะจัดฮวงจุ้ยโดยเชิญซินแสกำมะลอ หรือ ซินแสที่ใช้วิชาฮวงจุ้ยพื้นๆ อย่างวิชาดาว 9 ยุค ล่ะก็ ไม่ต้องเชิญมาให้เสียเงิน ไม่ต้องจัดเลยจะดีกว่า เพราะผลจากการจัด และ ไม่จัด มีค่าเท่ากัน หากถามว่า "คนที่ไม่จัดฮวงจุ้ย ทำไมถึงรวย และ ประสบความสำเร็จในชีวิต" ตอบว่า เพราะผลอันเกิดจากฟ้า อันได้แก่ รูปดวง ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นไปอย่างนั้น


ข้าพเจ้ามักอธิบายให้ศิษย์ฟังอยู่เสมอว่า "คนดวงดีไปอยู่ที่ไหนก็ดี แม้นเลือกฮวงจุ้ยก็เลือกฮวงจุ้ยได้ดี เลือกทำเลก็เลือกทำเลได้ดี เลือกองศาทิศทางก็เลือกได้เข้าตัวเองโดยอัติโนมัติ โดยไม่ต้องอาศัยหลักวิชาฮวงจุ้ยใดๆ เลย แม้การจัดบ้านก็จัดเข้ากับหลักวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูงโดยไม่ตั้งใจ แม้นประกอบธุรกิจหน้าที่การงาน ก็เข้ากับตนเองและชัยภูมิแถวนั้น เข้ากับองศาและทิศทางนั้นๆ แม้เลือกช่วงเวลากระทำการ ยังเลือกเข้าตามหลักวิชาชั้นสูงอย่างถูกต้องเลย" เรื่องนี้เป็นแปลกพอสมควร เป็นเช่นนี้จริงไม่ใช่น้อย มีจำนวนหลายร้อยรายที่ข้าพเจ้าเคยพบ ส่วนคนดวงตก แม้นจะเลือกบ้านก็เลือกบ้านที่มีชัยภูมิไม่ดี องศา และ ทิศทาง ก็ไม่เข้ากับรูปดวงตนเอง เลือกประกอบธุรกิจ หน้าที่การงานก็ไม่เข้ากับรูปดวงของตน ไม่เข้ากับชัยภูมิ องศา และ ทิศทางของบ้าน ขนาดช่วงเวลา ยังเลือกช่วงเวลาที่ทำลายตนเอง เป็นเช่นนี้จึงต้องมีซินแสเพื่อเป็นที่ปรึกษานั่นเอง ยังมีความแปลกประหลาดเกี่ยวกับรูปดวงบุคคลที่สัมพันธ์กับ ทิศทาง ชัยภูมิ และ พื้นที่ อีกเป็นจำนวนมาก อันเป็นผลจากการกระทำของ ฟ้า ดิน คน


  • ฟ้า ได้แก่ รูปดวงบุคคลในเบื้องต้นเมื่อกำเนิดเกิดขึ้น และ รูปฤกษ์ ซึ่งก็คือ ช่วงเวลาที่กระทำการ
  • ดิน ได้แก่ ฮวงจุ้ย องศา ทิศทาง ทำเล และ สภาพแวดล้อม
  • คน ได้แก่ รูปดวงอันได้รับผลกระทบจากวัยจร (ถนนชีวิตตามหลักวิชาดวงจีน)


ขออธิบายเพียงเท่านี้ มากไปกว่านี้ เดี๋ยวซินแสกำมะลอจะลอกไปโม้ และ แอบอ้าง

ถามว่า วิชาฮวงจุ้ยเป็นวิทยาศาสตร์หรือไม่?
ตอบว่า วิชาฮวงจุ้ยไม่ใช่วิทยาศาสตร์ วิชาฮวงจุ้ยอยู่เหนือวิทยาศาสตร์ขึ้นไป ยากที่วิทยาศาตร์จะอธิบายได้ หากจะมีผู้อ้างว่า วิชาฮวงจุ้ยเป็นวิทยาศาสตร์ ก็ต้องย้อนกลับไปถามว่า งั้นลองอธิบายวิทยาศาสตร์ตามหลักวิชาฮวงจุ้ย 24 ทิศทางหน่อยว่า ขอถามแค่หลักการเดียวเท่านั้นว่า ทำไมทั้ง 24 ทิศทาง ทิศทางละ 15 องศา ล้วนมีธาตุเป็นของๆ ตน นักวิทยาศาสตร์คนใดเป็นคนบัญญัติ ให้แต่ละทิศทางทั้ง 24 ทิศทาง เป็นธาตุต่างๆ แล้วมีตำรา หรือ หลักการ หรือ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อันใด หัวข้อใด หนังสือเล่มใด ของสถาบันใด ที่กล่าวถึงเรื่องธาตุใน 24 ทิศทาง และ เมื่อลงลึกไปมีถึง 360 ทิศทาง ตามระบบ 28 ดาวฤกษ์ ถามว่า นักวิทยาศาสตร์คนใดละ กล่าวถึง และ เอ่ยถึง หรือ คิดค้นทฤษฎีดังกล่าว แล้วหลักการในวิชาวิทยาศาสตร์แขนงใดล่ะ ที่กำหนดในคนเป็นธาตุนั้น ธาตุนี้ จะเอาส่วนใดของวิทยาศาสตร์มาอธิบายว่า เขาเป็นคนธาตุใดในวิชาวิทยาศาสตร์ ธาตุในทางวิทยาศาสตร์ และ ธาตุในทางฮวงจุ้ยเป็นคนละเรื่องกัน จะยกมาอ้างแต่เรื่องพลังงานเพียงอย่างเดียว ข้อนั้นไม่ใช่เรื่องของวิทยาศาสตร์แท้จริง เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ส่วนเดียว ไม่ใช่ทั้งองค์ประกอบ ที่ยกขึ้นมาพูด กล่าวคือ วิทยาศาสตร์และฮวงจุ้ย สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง แต่ฮวงจุ้ยกับธรรมชาติ กลับเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เอาแค่นี้พอ นี่ยังไม่ลงรายละเอียดลึกลงไปอีก ถ้าลงลึกลงไปอีก คนตอบมันจะมึน เพราะแค่ 24 ทิศ มันก็ยังหาคำตอบไม่ได้เลย หรือ ถ้าตอบได้ก็ไม่ตรงคำตอบ หรือ ตอบข้างๆ คูๆ เท่านั้น จริงแล้วมีคำถามมากมายเกิน 1,000 ข้อ ที่ชี้ได้ว่า วิชาฮวงจุ้ยไม่ใช่วิทยาศาสตร์ สำหรับคนที่อ้างว่า วิชาฮวงจุ้ยเป็นวิทยาศาสตร์ เพราะไม่รู้จริง หรือ ที่รู้มันยังไม่จริง ไอ้ที่จริงยังไม่รู้ อ้างไปต่างๆ นานา เพื่อหลอกคนโง่อีกจำพวก ให้คล้อยตาม

ถามว่า ฮวงจุ้ยเพิ่มยอดขายได้ไหม?
ตอบว่า ได้ แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาตามรูปดวงเช่นกัน รูปดวงบุคคลนั้น เหมาะสมกับทำอาชีพอะไร แล้วควรอยู่ในทำเล หรือ ทิศทางองศาใด ต้องจัดการร้านค้า หรือ องค์กรอย่างไร ตำแหน่งของส่วนต่างๆ ต้องจัดวางให้ถูกต้อง สอดคล้อง ตามรูปดวงบุคคล ส่วนนี้ต้องนำมาพิจารณา ว่าจะทำการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยอย่างไร ไม่ใช่เอ๊ะอะอะไร จะตั้งน้ำ ที่ดาว 8 และ ตั้งโคมไฟสี ที่ดาว 9 หรือ ตั้งของแก้ฮวงจุ้ย ยืนยันว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีผล การแก้ไขฮวงจุ้ย เพื่อเพิ่มยอดขายนั้น มีหลักการที่สลับซับซ้อนพอสมควร ตามหลักวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในรูปดวงบุคคลเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับต้องบรรลุหลักการทางชัยภูมิชั้นสูง ที่สำคัญ อย่าให้ซินแสที่ท่านเชิญมา แนะนำเรื่องการตลาด เราไม่ได้เชิญเขามาทำการตลาดให้ เราต้องการแค่ว่า เขาจะใช้วิธีการยังไง ในการแก้ไขฮวงจุ้ย การแก้ฮวงจุ้ย ไม่ใช่การแนะนำให้มีการลดราคา จัดโปรโมชั่น หรือ การทำป้ายไฟกระพริบ อย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องของฮวงจุ้ย ฮวงจุ้ย คือ การเหนี่ยวนำเอาพลังงานธรรมชาติที่อยู่รอบตัว เข้ามาส่งเสริมบุคคล และ พื้นที่ อันนี้ต้องแยกให้ออก



ถามว่า ผลที่เกิดจากการจัดฮวงจุ้ย คือ อะไร?
ตอบว่า ผลที่เกิดจากการจัดฮวงจุ้ยนั้น อันดับแรก คือ เรื่องสุขภาพ รองลงมา คือ ความคล่องตัวในการดำเนินชีวิต คือ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินชีวิต หน้าที่การงาน การเงิน ฯลฯ ถ้าบอกว่า จัดแล้วรวยเลย รวยอย่างอัศจรรย์ นี่เขายกขึ้นมาอ้าง เป็นจุดขายเพื่อหลอกลวงคน ถ้าจัดแล้วรวยได้ ทำไม!! คนที่จัดได้ ไม่ทำให้คนทั่วทั้งประเทศไทยรวยให้หมด ยุคนี้เศรษฐกิจตกต่ำ ถ้ามีคนอ้างว่า จัดแล้วรวย ก็ให้รวยมันกันทั้งประเทศน่าจะดี ด้วยการตั้งของไม่กี่ชิ้น ตั้งน้ำพุ ตู้ปลา จุดประทัด ห้อยของแก้ ตั้งของแก้ ทาสี ก็ทำไปเลย ใครอ้างว่า ทำแล้วรวย ให้เขาทำ มันก็ได้แค่อ้าง แค่พูดหลอก ในทางปฏิบัตินี้ทำไม่ได้เลย หรือหากแม้นจะทำได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนอย่างที่สถาบันใดหรือชมรมใดสอนกัน แบบเรียนกันไม่กี่วัน วันละไม่กี่ชั่วโมงจบ มันง่ายขนาดนั้นจริงๆ หรือฮวงจุ้ยนี่ อย่าดูถูกภูมิปัญญาของปรมาจารย์ มันมีอะไรตั้งเยอะแยะมากมายที่พวกคุณไม่รู้อีกเยอะ หรือไม่จริงล่ะ ถ้าไม่จริงพวกคุณจะเที่ยวอัพเดรทวิชา เปลี่ยนหัวข้อการเรียนการศึกษาไปเรื่อยๆ ทำไมกัน ชอบลอกดีนัก ระวังโดนสับขาหลอกก็แล้วกัน 5555


มันจะเหมือนเรื่องทฤษฎีนับกะ 2 ชั้น ของวิชา 64 ข่วย ที่ข้าพเจ้าเคยโม้เอาไว้ เพราะรู้ว่ามันจะมีคนมาหลอกหัวข้อหลักสูตร ซึ่งมันก็จริง ลูกศิษย์มาแจ้งว่า เอ้าอาจารย์เขามาลอกหัวข้อหลักสูตรไปแล้ว มีนับกะ 2 ชั้นจริงๆ ไอ้เราก็หัวเราะบอกเออดี ไปแก้บทความซะมันหลงกลเราแล้ว นับกะ 2 ชั้น อะไรนั้นแหล่ะ ผมไม่เคยเรียนหรอก ผมก็โม้ไปอย่างนั้นแหละ ผมรู้ว่ามันจะมีคนมาลอกหัวข้อหลักสูตรวิชา 64 ข่วย โดยพยายามเขียนหัวข้อหลักสูตรให้เหมือน ให้คนเรียนสับสน เรื่องนี้ มีอุปมาว่า “แกงสองหม้อ สีสัน หน้าตาเหมือนกัน แต่รสชาติต่างกัน” มันจะเหมือนกันยังไง คนเขาเป็นจริง กับ คนลอก เหมือนกันกับซินแสปลอมนั่นแหละ ถึงจะพยายามวางท่าให้เหมือน แต่งตัวให้เหมือนจนเกินเลย ความรู้ในหัวไม่มี หลอกได้เฉพาะพวกหลงภาพลักษณ์เท่านั้น หลายเดือนก่อนพบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน เมื่อคราวนัดกินข้าวกันตามประสากลุ่มเพื่อน กระทาชายนายหนึ่งในกลุ่ม อธิบายเรื่องวิชาฮวงจุ้ยเป็นควุ้งเป็นแคว บ้างมันก็บอกเป็นวิทยาศาสตร์ บ้างก็บอกว่า เป็นหลักวิชาชั้นสูง ถามไปถามมา แกใช้แค่วิชาเฮี่ยงคง ดาว 9 ยุค แต่แกยังมีมุกโม้ต่อว่า วิชาฤกษ์ 64 ข่วย ที่แกเรียนมา มันเจาะลึกละเอียดลงไปถึง DNA ใช้ฤกษ์กระตุ้นแล้ว ได้โชคลาภอย่างทันตาเห็น ไหนจะมีระบบกระตุ้นสมองให้ความจำดี เรียนหนังสือเก่ง นั่นน่ะแกพูด ข้าพเจ้ามันพวกคันปากเลยถามไปว่า แล้วทำยังไงถึงจะความจำดี เรียนหนังสือเก่ง แกก็บอกว่า ต้องหาฤกษ์ เวลาหาฤกษ์นี้นะ ต้องใช้หลักปี ไม่ก็หลักวันในการหา เมื่อได้ฤกษ์แล้วจะต้องทำการกระตุ้นด้วยการเคาะพื้น หรือ จุดประทัด น้านเขาโม้มา ข้าพเจ้าเลยบอกว่า เออดี เด็กไทยตามต่างจังหวัด หัวไม่ค่อยดีนะ สมัยนี้คนเป็นโรคความจำสั้นเยอะ วิชาที่แกเรียนมามันวิเศษจริงๆ ช่วยไปกระตุ้นตามโรงเรียนหน่อยสิ เด็กเกิดปีเดียวกันหมดทั้งชั้น กระตุ้นเลย เด็กจะได้ฉลาด ความจำดี ได้บุญด้วยนะ คราวนี้แหละเขาจะได้เลื่องลือว่า เป็นผู้มีคุณูปมาการต่อวงการศึกษาไทย เมื่อข้าพเจ้านิ่ง แล้วบอกว่า ใครเขาจะไปทำกัน ข้าพเจ้าสวน ทำไม!! จะทำไม่ได้ จะลองทำไหมล่ะ จะไปติดต่อโรงเรียนให้ สัก 100 โรงเรียน พอไหม แต่ทำแล้วต้องได้ผลตามที่โม้นะ ถ้าไม่ได้ จะให้เด็กนักเรียนทั้ง 100 โรงเรียน กระทืบให้ตาย ผลก็คือ อึ้ง ไปโดยปริยาย เมื่ออึ้ง ข้าพเจ้าก็ใส่ต่อว่า ไอ้วิชาดาว 9 ยุค ที่เรียนมานั้นน่ะ จะสอนให้เอาไหม ใช้เวลา 2 ชั่วโมงจบ ของหมูๆ คนเป็นจริงเขาไม่ใช่กันหรอกวิชาดาว 9 ยุค มีแต่พวกรู้แบบเด็กๆ เท่านั้นแหละที่ใช้


การจัดฮวงจุ้ยแล้วรวยจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีีองค์ประกอบเยอะเหลือเกิน สิ่งที่สำคัญอย่างแรกก็คือ เริ่มต้นตั้งแต่มีการคำนวณรูปดวง เพื่อหาองศาและทิศทาง และ พิจารณาชัยภูมิตามหลักการชั้นสูงว่า เป็นธาตุใด? เหมาะกับบุคคลนั้นหรือไม่? แล้วต้องพิจารณาองค์ประกอบของชัยภูมิว่า ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่? พลังของกระแสมาทางใด? ขี่มาทางใด? แล้วจะทำอย่างไร จึงจะนำเอากระแสนั้นมาส่งเสริมได้? แล้วกระแสที่มา เป็นกระแสที่ดีตามกฏฮวงจุ้ยหรือไม่? เมื่อผู้อาศัยจะเข้าไปอยู่จะต้องนำเอารูปดวงชะตาบุคคลมาคำนวณหาทิศทางที่สอดคล้อง ไม่ขัดต่อรูปดวง องศา และ ทิศทาง เรื่อง "ฤกษ์ยาม" นี่แหละ ที่ทำให้คนเป็นซินแสเลิกเป็นซินแสมาแล้วไม่ใช่น้อย ไม่ใช่ของศึกษาง่ายๆ เลย เคล็ดวิชาของวิชาฮวงจุ้ยอยู่ตรงนี้แหละ เพราะรูปดวงแต่ละแบบชอบรูปฤกษ์ไม่เหมือนกัน ถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว จัดแล้วมันรวยจริง แต่มีข้อแม้นะว่า รูปดวงคนของผู้นั้น ฟ้าต้องกำหนดให้รวย ซึ่งฮวงจุ้ยจะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ คือ ก่อนช่วงเวลาที่รูปดวงกำหนดให้รวย สำหรับคนที่ไม่ได้ตามนั้น ก็พึงทราบอย่างตอบมาตั้งแต่ต้นว่า ฮวงจุ้ยให้ผลอะไร ฮวงจุ้ยอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตของคนที่มีความตั้งใจทำมาหากิน ตั้งหน้าตั้งตาทำด้วยความขยัน ไม่ย้อท้อ แม้มีอุปสรรคเข้ามาในชีวิต ก็สู้ไม่ยอมถอย รับรองว่า ไม่ต้องพึ่งฮวงจุ้ยเลย อันนี้ คือเป็นไปตามที่ฟ้ากำหนดจะจน จะรวย จะสำเร็จ จะล้มเหลว ฟ้าเท่านั้นกำหนด คือ เป็นไปตามรูปดวง แต่สำหรับชาวจีนสมัยโบราณนั้น มีความเข้าใจที่แตกต่างออกไป โดยท่านทั้งหลายนั้น นอกจากจะมีความขยันหมั่นเพียร มุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคในชีวิต ขยันทำมาหากิน เก็บออมแล้ว ยังใช้ฮวงจุ้ยเป็นตัวช่วย ตัวเสริม เพื่อให้การประกอบกิจสำเร็จลุล่วงได้โดยง่ายดาย โดยไร้อุปสรรค ไม่ใช่ จัดแล้ว ถูกล็อตเตอรี่ หรือ ร่ำรวยขึ้นมาทันตาเห็น ด้วยการตั้งน้ำพุ จุดประทัด เคาะพื้น ตั้งของแก้ฮวงจุ้ย หลักการต่างๆ เหล่านี้ไม่เคยมีในวิชาฮวงจุ้ย ข้อนี้ไม่จริง เป็นของหลอกลวงของซินแสกำมะลอ ขออย่าได้หลงเชื่อจะเสียเงิน ถูกหลอกเอาได้ง่ายๆ


ถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ซินแสที่เราเชิญมานั้นใช้วิชาอะไรจัดบ้านให้เรา?
ตอบว่า จริงๆ แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องตอบได้ยาก เพราะต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในวิชาพอสมควร หากจะอาศัยการถามจากซินแสผู้นั้นว่า “ใช้วิชาอะไรจัดบ้าน” เขาอาจโกหกก็ได้ ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะให้ศิษย์จัดทำรูปแบบของวิชาเฮี่ยงคง ดาว 9 ยุค แบบสำเร็จรูป พร้อมทั้งระบุตำแหน่ง ในแต่ละตำแหน่งว่า มีความหมายเช่นใด เขาใช้หลักการอะไรแก้ แก้ในมุมใด เพื่อเป็นแบบสามัญประจำบ้าน ให้ทราบว่า ซินแสกำมะลอมักใช้วิชาพื้นฐานอย่างวิชาดาว 9 ยุค เฮี่ยงคง ในการจัดบ้านเพื่อเรียกเอาเงินจากท่าน ฉะนั้น เมื่อซินแสรายใดเดินเข้าบ้านท่าน หากแก้ตามมุมที่แบบสรุปกำหนด และ ใช้สิ่งของแก้ตามที่แบบสรุปกำหนด ไม่จำเป็นต้องเสียเงินค่าซองอั่งเปาสักบาท แล้วควรบอกซินแสคนนั้นว่า "แก้ด้วยวิชานี้ ฉันก็ทำเป็น ถ้าจะใช้แค่วิชาเท่านี้มาจะจัดบ้านให้ฉัน ฉันทำเองก็ได้ ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลา กับซินแสพื้นๆ" นี่ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งจะช่วยคัดกรองซินแสพื้นๆ และ พวกหลอกลวงได้อีกวิธีการหนึ่ง ฉะนั้น หากท่านผู้ใดทราบข่าวนี้ ขอจงเผยแพร่เรื่องการทำแบบสรุปนี้ออกไปแก่เพื่อนฝูง และ ญาติสนิทมิตรสหาย จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งในแบบสรุปนั้น จะมีหัวข้อดังต่อไปนี้


[1] วิธีการวัดองศาโดยใช้เข็มทิศ โดยละเอียด
[2] ผังบ้านสำเร็จรูปในแต่ละองศา
[3] การหาจุดศูนย์กลางบ้าน
[4] ผังดาวสำเร็จรูป ใช้สำหรับทาบกับแบบบ้าน
[5] ผลของปฏิกริยาดาวที่เกิดขึ้นในแต่ละมุม (คำทำนาย)
[6] การแก้ไขดาวในแต่ละมุม และ จำแนกของแก้ฮวงจุ้ยต่างๆ ที่ซินแสกำมะลอนิยมใช้
[7] ฯลฯ


(ฉะนั้น แบบสรุปนี้ จะชี้ทางให้ทราบว่า ซินแสกำมะลอทำการแก้ไขฮวงจุ้ยด้วยวิธีใด แก้ด้วยของแบบใด จะอธิบายอย่างละเอียดยิบ)


หากเขาใช้วิชาชั้นสูง เช่น วิชาซำง้วน 64 ข่วย ฯลฯ จะมีหลักการ และ แนวทางการแก้ไข จะไม่เหมือนดังเอกสารสรุปที่ข้าพเจ้าทำให้เลยแม้แต่มุมเดียว


ถามว่า ซินแสที่ดูดวงเก่ง จะเก่งวิชาฮวงจุ้ยไหม?
ตอบว่า อันนี้มีบ้าง ถือว่าเป็นองค์ประกอบ เพราะหากเข้าใจระบบรูปดวงแล้ว สามารถเข้าในระบบฮวงจุ้ย และระบบฤกษ์ยามเป็นอย่างดี ถ้าถามต่อว่า แล้วเป็นเช่นนี้ทุกคนไหม ตอบว่า ไม่จริง ไม่จำเป็น คนเป็นดวงจีนบางคน ไม่รู้เรื่องฮวงจุ้ยเลยก็มี อีกอย่างที่ควรทราบ คือ เมื่อพบซินแสแล้วขอให้เขาทายดวงนั้น สิ่งที่ควรถาม มี 3 ขั้นตอน คือ


1. ปีที่แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉัน/ผม


2. ปีนี้จะมีเรื่องอะไรกับฉัน/ผม


3. เรื่องหน้าที่การงาน สุขภาพ การเงินของฉันเป็นอย่างไร ในปีที่แล้ว และปีนี้


เอาแค่ 3 เรื่องพอ ถ้าจะให้จี้เขา ถามเขาเลยว่า ซินแส ผม/ฉัน เรียนหนังสือจบอะไรมา ยิ่งถ้าเขาระบุได้ว่า จบมาจากที่ไหน เรียนเกี่ยวกับเรื่องอะไรนี่ ถือว่าเข้าขั้น ถามเลยอันนี้ ถ้าไม่เก่งจริง มันตอบไม่ได้หรอก ที่สำคัญ อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวของตัวเองแม้แต่เรื่องเดียว ก่อนที่จะให้เขาทายดวง ไม่ควรบอกเรื่องราวส่วนตัวแม้แต่เรื่องเดียว ถ้าเขาเป็นจริง เขาจะทายเอง หรือ ถ้าหากจะตัดสินใจไปเรียนวิชาดวงจีนกับใคร ลองเอาคำถามเหล่านี้ไปถามอาจารย์ผู้สอน อย่าปล่อยให้มันลอยหน้าลอยตา ทายดวงคนดัง เรื่องดวงคนดังใครก็ทายได้ เพราะสามารถหาประวัติจากหนังสืออัตชีวประวัติของคนเหล่านี้ได้ ฉะนั้น ให้ทายดวงสด ต่อหน้าต่อตาเลย ถ้าเขาเลี่ยงไม่ทาย โปรดพิจารณาให้ถ้วนถี่ ถ้าเขาทาย 3 เรื่อง ไม่ถูกซักเรื่อง ขอเงินค่าเรียนคืน ถ้าเขาทาย 3 เรื่องถูก 2 เรื่อง เรียนต่อไป ถ้าเขาทาย 3 เรื่องถูก 3 เรื่อง ให้ศึกษากับเขาไปทุกวิชา เพราะเจอคนจริงที่สำเร็จวิชาดวงจีนแล้ว ส่วนเรื่องฮวงจุ้ยนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ใครเก่งแค่ไหน ก็คือ เมื่อเขาเข้าไปในบ้าน/อาคาร พื้นที่ต่างๆ สามารถทำนายเหตุการณ์ เรื่องราวที่เกิด รวมทั้งผลประทบได้ อย่างนี้ถือว่าใช้ได้ อันนี้ให้เป็นแนวคิดไว้ เป็นข้อพิสูจน์ สำหรับการทำนาย หากเขาทายว่า ผัวเมียจะเถียงกัน อย่างนี้ไม่ต้องดูฮวงจุ้ยใครก็ทายได้ ผัวเมีย มันก็เถียงกันทั้งนั้น ถ้าหากเขาทำนายว่า บ้านหลังนี้ไม่ดีเลย มีเรื่องราวร้อนอกร้อนใจ ก็ไม่แปลก ถ้ามันดี เขาจะเชิญซินแสมาทำไม ฉะนั้น ลักษณะของคำทำนาย ต้องเป็นสิ่งเหนือกว่าคนทั่วไป จะสามารถคาดเดาได้ อันนี้ควรฉลาดถาม ถ้าเชิญมันมาแล้ว มันทำนายไม่ได้ หรือ ทำนายได้ แต่ไม่ถูก เชิญมันออกจากบ้าน มันมาทางไหน ไล่มันกลับไปทางนั้น จะเสียรู้เปล่า เสียเงิน เสียทอง




การแก้ฮวงจุ้ย

หลายท่านที่สนใจในศาสตร์ฮวงจุ้ย มักได้ยินคำว่า “การแก้ฮวงจุ้ย” โดยการแก้ฮวงจุ้ยของหลายๆ คนทำเพื่อต้องการทำให้หน้าที่การงาน ครอบครัว สุขภาพ การเงิน ความรัก ฯลฯ ดีขึ้น การเชิญซินแสก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่หลายท่านได้ทำ โดยเข้าใจว่า ซินแสที่เราได้ทำการเชิญมานั้นเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และ เข้าใจในหลักวิชาฮวงจุ้ย แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า “ซินแส” ที่เราเชิญมาทำการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยนั้น แท้จริงแล้ว เป็นผู้มีความรู้ความสามารถและเข้าใจในหลักวิชาฮวงจุ้ยจริง หรือว่าเขาผู้นั้นแค่โฆษณา อวดอ้างว่า ตัวเองเป็นผู้รู้ และ เข้าใจศาสตร์นี้เท่านั้น


คนบางคนอ้างตัวว่าเป็นซินแส เลยต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง โดยพยายามพูดไม่ชัด ให้ออกสำเนียงจีน บ้างก็ใส่เสื้อจีน เดี๋ยวนี้เดินกันให้เกลื่อน แทบชนกันตาย แต่คนพวกนี้ไม่รู้จริงสักคน มีคำโบราณประเภทหนึ่งบอกว่า “กลองอัปรีย์ไม่มีคนตีมันก็ดัง เพราะกลองใกล้จะพัง มันจะตีตนเอง” จากคำโบราณนี้ ก็เหมือนพวกซินแสที่ซื้อโฆษณาโผล่หน้าสลอนตามสื่อต่างๆ ทีวี หนังสือพิมพ์ ฯลฯ เพื่อให้ตัวเองดัง มีชื่อเสียง เพราะตนไม่มีความรู้ความสามารถพอจะทำให้ดังขึ้นมาได้ โดยมุ่งหวังให้คนที่สนใจศาสตร์ดังกล่าวเชื่อถือ และ จ้างตนไปทำการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ย คนไม่รู้ก็หลงตกเป็นเหยื่อ คนพวกนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินจากผู้สนใจศาสตร์ดังกล่าว คนเช่นนี้เรียกว่า “กลองใกล้จะพัง มันจะตีตนเอง


ทุกท่านต้องพึงทราบว่า การแก้ไขฮวงจุ้ย การตรวจฮวงจุ้ยบ้าน อาคาร สำนักงาน โรงงาน ฯลฯ สำหรับวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูงตามแบบปรมาจารย์ การจัดการฮวงจุ้ยนั้นแก้กันครั้งเดียว ปรับกันครั้งเดียว ต้องดีตลอดชีวิต เพราะความไม่รู้จริงของซินแสกำมะลอ จึงมักแนะนำให้มีการแก้ไขฮวงจุ้ยทุกปี ความจริงแล้วมิใช่แก้ไขปรับเปลี่ยนกันทุกปี แม้สามปีแก้ทีก็ไม่ควรมีด้วยซ้ำ โดยถ้าทำเช่นนั้นแล้วถือว่า เป็นวิธีการของวิชาพื้นฐาน หากหลักการการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยนั้นดี และ ถูกต้องจริง ฉะนั้น คำถามที่ตามมาก็คือ ในเมื่อหลายๆ สำนัก และ ซินแสหลายๆ คนต่างอวดอ้างว่า วิชาที่ตนใช้คือ สุดยอดวิชาฮวงจุ้ย แล้วทำไม ต้องมีการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยตลอดทุกๆ ปี สุดยอดวิชา!!! จะต้องเปลี่ยนไปตลอดเลยหรือ ถ้าอย่างนั้นเรียก ดีไม่จริง ดีไม่คงทน ดีแตกทุกปี พอข้าพเจ้ากล่าวอย่างนี้ เขาก็แก้ตัวว่า เพราะพลังงานเปลี่ยน การโคจรของดาวเปลี่ยน ดาวจรมันเปลี่ยนไป นั่นคือ ที่เขาอ้าง จริงๆ แล้ว มันเป็นวิธีการที่จะเรียกเอาเงินจากลูกค้า ซึ่งก็คือ ผู้ซึ่งเชิญซินแสรายนั้นๆ ไป ไม่ว่าจะเพื่อสิ่งใดก็ตามแต่ หลักใหญ่ๆ จะเป็นไปเพื่อ


1. การขายของแก้ไขฮวงจุ้ย


2. การขายฤกษ์ยามในการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ย


3. การเรียกเก็บเงินค่าเชิญในครั้งใหม่

ซินแสที่ดีควรมีความรู้ที่ถูกต้อง ตัวเองนั่นแหละจึงรู้ว่า สิ่งที่ตนเองรู้นั้นถูกต้องหรือไม่ เมื่อไปจัดแล้วไม่ได้ผลก็ควรรู้ตัวเองว่ามันไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าจัดได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ก็เข้าข้างตัวเองถูไถไป เมื่อจัดแล้วไม่ได้ผลก็ควรรับผิดชอบ อย่างน้อยก็ควรจะคืนเงินค่าดูให้เจ้าของบ้านไป หรือไปตรวจสอบดูว่า มีข้อผิดพลาดอันใด ไม่ใช่ลอยหน้าลอยตาหาข้อแก้ตัวว่า เจ้าของบ้านทำไม่ถูกต้อง ไม่ทำตามที่ตัวเองแนะนำ เป็นไปได้หรือว่า คนที่มาขอแนะนำจากซินแสเพื่อให้ตนเองรอดพ้นจากความทุกข์ จะไม่ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

ผู้ที่จะหาซินแสก็ควรทราบด้วยว่า มิใช่ว่าบ้าน อาคารทุกๆ หลัง จะสามารถแก้ไขให้ดีได้เสมอไป เหมือนกับการรักษาโรค มีบางโรคก็ไม่สามารถรักษาได้ เช่น เบาหวาน เอดส์ โรคหัวใจ หรือ โรคที่รักษาได้ยาก เช่น มะเร็ง โรคไต โรคเกี่ยวกับเส้น หรือ กระดูก บ้านก็เหมือนกัน มีบ้านบางลักษณะ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ใช่การตั้งของ วางของแก้เพียงไม่กี่ชิ้น ก็จะสามารถแก้ฮวงจุ้ยได้ นั่นคือ ความเข้าใจที่ผิดของคนทั่วไป จึงทำให้เกิดช่องว่าง เป็นช่องทางทำมาหากินของซินแสกำมะลอ

หลักการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยแท้จริงต้องศึกษาค้นคว้าด้วยวีธีการตามแบบดั้งเดิมที่มีมาแต่โบราณ ไม่ใช่ว่า เราจะเชิญอาจารย์คนใดมา ก็ไปหาเอาจากทีวี จากอินเตอร์เนต จากหนังสือที่วางขายตามห้าง อย่างนี้ถูกหลอกมานับรายไม่ถ้วนแล้ว ควรศึกษาจาก Case ปากต่อปากว่า มีคนได้ผลจากการจัดฮวงจุ้ยโดยซินแสท่านใด อย่าหลงเชื่อจากลมปากของบุคคลที่เพียงแสวงหาผลประโยชน์ หรือ มีผลประโยชน์ร่วม



การพิจารณา Profile ประวัติการศึกษาวิชาฮวงจุ้ยของซินแสท่านนั้น ก็ควรต้องทราบเช่นกันว่า ศึกษามาจากที่ใด สำเร็จวิชาอะไร อย่าหลงเชื่อคำพูดเพ้อเจ้อ จะถูกหลอกเอาโดยง่าย เช่น ซินแสบางรายอาจแอบอ้างว่า เรียนมาจากต่างประเทศทั่วโลก การอ้างว่า "เรียนมาทั่วโลก" ใครก็อ้างได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่า เรียนมาจริงหรือไม่จริง บางคนอาจหัวใส ไปยืนถ่ายรูปคู่กับคนนั้นที คนนี้ที เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วอ้างว่าไปเรียนกับคนโน้นคนนี้ วิชาโหราศาสตร์จีน อันได้แก่ วิชาฮวงจุ้ย ดวงจีน และ โดยเฉพาะระบบฤกษ์ยาม มีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ของศึกษาให้เข้าใจได้โดยง่าย ต้องประกอบภาคทฤษฎี และ ภาคปฏิบัติ อีกอย่างอาจารย์ผู้รู้จริง ย่อมไม่ยอมถ่ายทอดวิชาให้แก่ใครโดยง่าย ต้องอาศัยการทดสอบ นิสัยใจคอ และ ดูความประพฤติของคนผู้นั้น เป็นระยะเวลานานพอสมควร เมื่ออาจารย์มั่นใจแล้ว จึงจะยอมถ่ายทอดวิชาชั้นสูงให้ หากมีคนอ้างว่า บินไปเรียนมาจากอาจารย์ทั่วโลก ก็คงได้เรียนแค่พื้นฐานบางอันเท่านั้น เพราะการจะศึกษาวิชาโดยใช้ระยะเวลาไม่ต่อเนื่อง และ ระยะเวลาไม่ถึงเดือนนั้น ยากจะเข้าถึงวิชาชั้นสูงได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ผู้สนใจควรรู้ด้วย

ฉะนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ว่า ใครก็ตามจะเที่ยวไปบินตระเวนศึกษาวิชาชั้นสูงจากปรมาจารย์ทั่วโลกได้ เพราะถึงไปจริง ก็ไม่มีใครเขาสอนวิชาชั้นสูงให้ ถ้าอาจารย์คนใดสอนเคล็ดวิชาชั้นสูง อาจารย์คนนั้นไม่โง่ก็คงสติไม่ดีพอสมควร เพราะคนไม่เคยรู้จักหัวนอนปลายเท้ามาจากที่ใดก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ มาขอเรียนวิชา มันเป็นไปไม่ได้ว่า ใครเขาจะสอน เพราะไม่ได้รู้นิสัยใจคอ พฤติกรรม อาจเป็นคนมาจากที่อื่น และ มาลอกเอาเคล็ดวิชาไปเพื่อไปแอบอ้างว่า ตนคิดค้นขึ้นมาเอง หรือ เรียนมาจากที่อื่นแล้วมาแอบอ้างก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องแบบนี้มีให้เห็นมากในปัจจุบัน สันดานเบื้องลึกของคนนี้ บางทีต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร บางคนอาจปากหวานก้นเปรี้ยว บางคนอาจหน้าไหว้หลังหลอก บางคนอาจทำตัวเป็นผู้ดีจอมปลอม หลากหลายวิธีการ


การทดสอบที่ดี คือ การสร้างสถานการณ์ให้เกิด เพื่อทดสอบบุคคล โดยกระตุ้นให้เห็นพฤติกรรมซ่อนแฝง เพื่อทดสอบจิตใจ คือ ลองใจ เมื่อเกิดเรื่อง จะเห็นสันดานของบุคคลได้เป็นอย่างดี บางคนยอมพูดจาบิดเบือน แต่งนิยายขึ้นมาจับเอาแพะกับแกะมาผสมเพื่อทำลายล้างผู้อื่น และ เพื่อให้ตนพ้นความผิดทั้งๆ ที่ตนเองรู้อยู่แก่ใจ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก คนชั่วย่อมทำทุกวิธีการเพื่อให้ตนเองถูกต้อง บางคนอ้างว่า คนอื่นไร้ซึ่งคุณธรรม แต่ตนนั่นแหละไร้คุณธรรมเสียเอง เพราะตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คุณธรรมคืออะไร? บางคนอาจหนีเอาตัวรอด หรือ ทำลอยตัว เพราะไม่ต้องการเจ็บตัว อย่างนี้มีเห็นในทุกวงการ ฉะนั้น เมื่ออาจารย์ผู้สอนเห็นว่า ศิษย์คนใดมีพฤติกรรมที่ต่างจากที่คาดหวัง ก็อาจงดเว้นการสอน หรือ อาจสอนวกไปวนมาก็เป็นได้ ทั้งนี้เพราะไม่ต้องการให้วิชาตกอยู่ในมือของคนชั่ว หรือ คนไม่มีคุณธรรมในจิตใจ


ซินแส หรือ อาจารย์ฮวงจุ้ยบางราย อาจสร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยการอ้างว่า ศึกษาวิชามา 10-20 ปี การศึกษามา 10-20 ปี คือ ต้องศึกษาทุกวัน ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 10-20 ปี ไม่ใช่ระยะเวลาเรียนต่อเนื่องรวมกันไม่ถึง 1 ปี นั้นแสดงว่า เรียนมาแค่ไม่ถึง 365 วัน นอกจากนั้น ฟุ้งหลงทางไปอีก 9-19 ปี อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่า เรียนมา 10-20 ปี ต้องแยกแยะให้ดี แล้วอีกอย่าง การที่บางคนอ้างว่าเรียนมา 10-20 ปี นั้น อาจเรียนวิชาพื้นๆ มาตลอดชีวิต หรือไม่ก็ วิชาที่ไม่สามารถใช้งานได้ผลจริง ระยะเวลาที่เรียนไม่ใช่สิ่งบ่งบอกว่าเขาผู้นั้นสำเร็จวิชาชั้นสูง จงใคร่ครวญให้ดีก่อน แล้วจึงเชื่อ

ในสมัยที่ข้าพเจ้าเริ่มศึกษาวิชาโหราศาสตร์จีน ข้าพเจ้าใช้ระยะในการศึกษาวิชาชัยภูมิ และ วิชาฮวงจุ้ยอันอื่น ต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายปี เฉพาะวิชาชัยภูมินั้น ต้องใช้สถานที่จริงเป็นห้องเรียนแทบทั้งสิ้น ทั้งนี้ไม่รวมวิชาฮวงจุ้ย (การคำนวณหาองศา และ ทิศทางที่เหมาะสม) วิชาดวงบุคคล และ วิชาที่ศึกษายากที่สุดก็คือ วิชาฤกษ์ยาม ซึ่งเป็นวิชาที่คล้ายจะง่าย แต่แท้จริงแล้ว มีกฏข้อบังคับมากมาย ยากจะเข้าใจได้ หากบุคคลไม่เข้าใจรูปดวงบุคคล และ องศา ทิศทาง เนื่องจาก วิชาฤกษ์ยาม เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้การจัดฮวงจุ้ยนั้นแสดงผลได้ จึงเป็นเคล็ดวิชาสูงสุด ที่ผู้จะเป็นซินแสที่เก่งกล้าต้องทุ่มเทศึกษา สุดท้าย และ ท้ายสุด คือ การแสดงให้อาจารย์ผู้ถ่ายทอดเป็นว่า ศิษย์พร้อมที่จะออกไปช่วยเหลือบุคคลอื่น หรือ แม้ไม่ได้ตั้งตัวเป็นซินแส ก็ให้รู้แน่ว่า ศิษย์ได้เข้าใจถึงหลักการทั้งหมดที่อาจารย์ได้สั่งสอน สามารถนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และ แม่นยำ ข้อควรทราบอีกสิ่งหนึ่งก็คือ เมื่อเวลาศึกษาวิชาฮวงจุ้ย สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลชัดเจนหรือไม่ชัดเจนนั้น ก็คือ การนำเอา ปี เดือน วัน ยาม ใจ ปฏิสนธิ ลัคนา ทุกหลัก ขอย้ำว่า ทุกหลักมาพิจารณา หาทิศทางที่เหมาะสม และ ควรต้องทราบว่า การใช้รหัสบุคคล ซึ่งได้มาจาก หลักปี หรือ หลักวัน เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่มีผลในการจัดฮวงจุ้ยเลย หากมีอาจารย์คนใดสอนว่า ใช้หลักปีพิจารณา หรือ ใช้หลักวันพิจารณา หรือ ใช้รหัสบุคคล ในการพิจารณาทิศทางที่เหมาะสม และ รูปฤกษ์นั้นเข้าข่ายมั่วแล้ว ควรต้องทราบ และ เข้าใจว่า ใช้งานอย่างไร


ฉะนั้น ระยะเวลาในการศึกษาของผู้ที่จะก้าวขึ้นเป็นซินแสแท้จริงนั้น อาจต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 7 ปี สำหรับผู้อัจฉริยะ หรือ 10 ปี สำหรับผู้มีสมองปานกลาง นี่คือ รวมทั้งภาคทฤษฎี และ ภาคปฏิบัติ คำว่า 7 ปีนั้น คือ ต้องศึกษาทุกวัน ไม่ใช่ศึกษาอาทิตย์ละ 1 วัน วันละไม่ 4-5 ชั่วโมง ต่อกัน 3-4 อาทิตย์จบ หรือ แม้จะบินไปเรียนมา 6-7 วัน ติดต่อกันก็ไม่ได้ความว่า จะเข้าถึงเคล็ดวิชา ต่อให้เรียนมากับผู้ที่อ้างว่า สืบสายมาจากหยางกง (เอี๊ยะกง) ก็ตาม ยิ่งถ้ามีคนแอบอ้างว่า เรียนมาในสายเอี๊ยะกง ต้องชำนาญในวิชา 64 ข่วยขนาดหนัก และ ต้องรู้จักสูตรวิชา 64 ข่วย อันได้แก่ จ๋อเคี้ยงเหี่ยงเคี้ยงเหี่ยงลิ่วจุ้ย ไหนจะสูตรแซจื้ออีก ถ้าศึกษาวิชา 64 ข่วย ไม่รู้จักแซจื้อ ทำแซจื้อไม่เป็น ก็ตาย สูตรจัดฮวงจุ้ยบ้านตามกฏ 64 ข่วย คือ มั่ว คง โท่ว จุ้ย อีกสิ่งก็คือ อิ๊งซี้จึ่งเบ้าซี้ฮวก อันนี้ไม่ใช่รู้จักแต่ชื่อ ต้องทำเป็น ใช้เป็น ไม่ใช่โม้เป็นอย่างเดียว พอใช้ไม่เป็น ลงท้ายก็จะแก้เกี้ยวว่า เขาไม่ใช้กัน เอ้า!! ถ้าเขาไม่ใช้กันเขาจะพูดถึงทำไม เพราะนี่คือ เคล็ดสุดยอดของวิชา 64 ข่วย


หากระยะเวลาศึกษาไม่ต่อเนื่องถึง 2 ปี จะรู้ได้แค่ไหน ที่รู้ ก็รู้งูๆ ปลาๆ ผิวเผินเท่านั้นแหละ อย่างนี้เรียนให้ตายก็ใช้ไม่ได้ผล จริงไม่จริง..รู้อยู่แก่ใจ หรือแม้จะใช้ระยะเวลาเรียนต่อกันสิบปี ผลก็ไม่ชัดเจน มีคำกล่าวว่า “คนเห็นไม่หัน คนหันยังไม่เห็น” มันก็เหมือนกับคนตาดีอยู่ไกลแสงไฟก็มองเห็นความสว่าง ส่วนคนตาเสียแม้อยู่ใกล้แสงไฟ มันก็มองไม่เห็นแสง เรื่องนี้จริงดังว่า คนที่เป็นแล้ว เข้าถึงที่สุดของวิชาแล้ว ไม่วิ่งไปวิ่งหา เที่ยวไล่ล่าศึกษาวิชาด้วยความกระหายจากที่ใดทั้งสิ้น แต่คนที่ยังไม่เป็นยังเข้าไม่ถึง รู้จิตใจตนเอง แม้จะพยายามกล่าวอ้างโพทนาว่า ตนรู้จริงทั้งหมดแล้ว แต่ยังเที่ยวตระเวนไล่ล่าศึกษาวิชาด้วยความกระหาย ซ้ำยังพยายามลอกเลียนวิชาการจากแหล่งข้อมูลที่ตนอ้างว่า “เขารู้ไม่จริง” ก็ในเมื่อบอกว่า เขารู้ไม่จริง จะลอกไปทำไม!? อย่างนี้เรียกกลืนเสลดตัวเอง ไม่ใช่กลืนน้ำลาย อย่างนี้เรียก ชั่วเข้าขั้น คนแบบนี้แหละที่จะทำให้วงการโหราศาสตร์จีนเสื่อม สูญสิ้น คนแบบนี้แหละที่จะทำให้คนที่สนใจโหราศาสตร์จีนเข้าใจว่า วิชาฮวงจุ้ยไม่มีอยู่จริง เป็นแค่นิทานหลอกลวง ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เพื่อให้ผู้สนใจได้ทราบว่า วิชาโหราศาสตร์จีน..ไม่ใช่ของศึกษาได้โดยง่าย ไม่ใช่ว่าใครจะเป็นซินแสได้ง่ายๆ



ซินแสผู้เข้าไปตรวจปรับแก้ ถ้าซินแสเป็นวิชาชั้นสูงจริง เมื่อไปตรวจดูสถานที่จริง เขาจะบอกว่า “แก้ได้” หรือ “ไม่ได้ ถ้าแก้ได้ คือ มีผล คำว่า “มีผล” ก็คือ จัดแล้วต้องมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี หากซินแสบอกว่า แก้ได้ แต่ไม่มีผลดีหลังจากการแก้ คือ เงียบเฉยเหมือนไม่ได้จัดเลย หรือ จัดแล้วเกิดผลร้าย อย่างนี้ซินแสที่เชิญมานั้นต้องเข้ามารับผิดชอบ คือ ต้องกลับไปตรวจว่าเกิดข้อผิดพลาดอะไร ต้องแก้ไขอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ และอีกอย่าง หากตรวจดูแล้วแก้ไม่ได้ ซินแสที่ถูกเชิญไปนั้น ก็ไม่ควรรับซองเงินอั่งเปาที่เจ้าบ้านให้ ฉะนั้น สิ่งที่ควรถามเมื่อเชิญซินแส ก็คือ แก้ได้ หรือ ไม่ได้ หากเขาบอกว่า “แก้ไม่ได้” ก็ไม่ควรให้ซองอั่งเปาแก่ซินแสผู้นั้น แต่ถ้าเขาบอกว่า “แก้ได้” จะด้วยอยากได้เงินอั่งเปา หรือ จะด้วยมีความรู้ในวิชาอย่างแท้จริง การจัดนั้นต้องมีผลไปในทางที่ดีหลังจัด

ดังนั้น การเชิญซินแสก็เหมือนกับการไปพบหมอ ควรหาข้อมูลเสียก่อน หรือ ถามจากคนที่เคยเชิญซินแสรายนั้นๆ มาจัดว่า “ซินแสจัดแล้วมีผลอย่างไร? ก่อนจัดผู้นั้นสถานการณ์เป็นอย่างไร? หลังจัดสถานการณ์เป็นอย่างไร? (คือมีผลแตกต่างไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่?)” หรือดูว่า เมื่อซินแสเข้ามาในบ้านแล้ว ทำนายเหตุการณ์ต่างๆ ภายในบ้านได้ถูกต้องหรือไม่? นี่ก็เป็นวิธีที่ดีอีกวิธีที่จะพิสูจน์ได้วิธีหนึ่งเช่นกัน หากซินแสเดินเข้าบ้านของเราแล้ว ไม่สามารถทำนายเหตุการณ์ได้ถูกต้อง หรือ ทำนายคลุมเครือ ไม่ชัดเจน ผู้เชิญไม่ควรมอบซองเงินอั่งเป่าให้แก่ซินแสรายนั้นๆ หากจะมีใครก็ตามที่อ้างตน หรือ ตั้งตัวเป็นซินแสขึ้นมา และ อ้างว่า ไม่ได้มาดูดวงชะตา แต่มาดูฮวงจุ้ย ก็ต้องบอกเขาไปว่า ที่ให้ทำนายไม่ได้ให้ทำนายดวงชะตา ให้ทำนายเหตุการณ์จากฮวงจุ้ยบ้าน/อาคารดังกล่าว หรือจากผลกระทบของชัยภูมิ องศา และ ทิศทาง

ซินแสที่ดีต้องไม่เห็นแก่ เงิน หรือ สินจ้าง มากจนเกินไป ซินแสบางคนอาจบอกว่า เขาไม่ใช่หมอ เขาเป็นทนายความ ไม่ว่า จะว่าความแล้วชนะหรือไม่ เขาก็จะต้องได้เงินจากลูกค้าทุกครั้ง ท่านคิดว่าเป็นคำตอบที่เหมาะสมหรือไม่ ฉะนั้น เมื่อเราเชิญซินแสมาเพื่อปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยใน Case นั้นๆ เขาจะต้องรับผิดชอบการให้คำแนะนำตั้งแต่ต้นจนจบของ Case นั้น แม้เราจะเชิญซินแสกี่ครั้งก็ตาม ไปยัง Case เดิม ซินแสจะต้องไม่มีการเรียกร้องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะถือว่า งานที่รับนั้นยังไม่ Completed อีกอย่างที่ซินแสที่ดีควรเป็นก็คือ การบริการหลังการขาย ในที่นี้ก็คือ การสำรวจผล ความพึงพอใจ และ การบันทึกข้อมูลหลังจากจัดนั้น



การแก้ไขฮวงจุ้ย แบ่งออกได้ 4 ลักษณะ ได้แก่


1. แก้ไขไม่ได้ ต้องย้าย ข้อนี้ได้แก่ ลักษณะบ้าน หรือ อาคารที่ไม่เข้ากับรูปดวงบุคคล และ ชัยภูมิสิ่งแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ในการแก้ไขฮวงจุ้ยของบ้าน/อาคารนั้นๆ ซึ่งไม่พบว่า จะมีซินแสรายใดในประเทศไทยที่ให้ทำเช่นนี้ เพราะโดยส่วนใหญ่เมื่อไปถึง จะตั้งหน้าตั้งตาแนะนำวิธีการแก้ไขฮวงจุ้ยอย่างเดียว มันจะได้ผลหรือไม่ได้ผล กูไม่รู้ กูรู้อย่างเดียวมาแล้ว ต้องแนะนำเขา เพื่อแลกกับเงินอั่งเปา การแนะนำให้ย้ายออก เนื่องจาก ฮวงจุ้ยไม่เอื้ออำนวย ซ้ำยังส่งผลกระทบต่อรูปดวง จะมีแต่ในสายของข้าพเจ้าเท่านั้น คือ ยึดว่า “แก้ได้ต้องได้ผล ไม่แก้คือแก้ไม่ได้” เพราะหากพบเจอลักษณะบ้าน หรือ อาคาร ที่ประกอบด้วยชัยภูมิที่ไม่ถูกต้อง องศา และ ทิศทาง ไม่เข้ากับรูปดวงบุคคลแล้ว ในสายของของข้าพเจ้าจะแนะนำให้เจ้าของบ้านย้ายในทันที ในข้อนี้คือ ไม่สามารถแก้ไขได้ สำหรับเงินอั่งเปา ซินแสในสายของข้าพเจ้าก็จะไม่ขอรับ คือ กลับในทันที เพราะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว เพราะซินแสมักอ้างว่า แก้อย่างนี้ แก้อย่างนั้น ตั้งน้ำพุ น้ำตก โคมไฟสีต่างๆ ทาสี ติดฮู้ ติดกระจก วางพรมสีต่างๆ วางแจกันใส่ดอกไม้สี ฯลฯ โดยส่วนใหญ่คนเหล่านี้ไม่ใช่ซินแสแท้จริง เป็นแค่เพียงบุคคลที่ยกตนขึ้นมาเป็นซินแส โดยอาศัยความรู้จากการอ่านหนังสือที่มีวางขายทั้งในประเทศไทย และ ต่างประเทศ อาศัยครูพักลักจำ และ การลอกเลียนแบบมาจากบุคคลผู้รู้จริง เท่านั้น และ การไปบ้าน/อาคารในแต่ละครั้ง คนเหล่านี้จะอ้างว่า สามารถแก้ไขฮวงจุ้ยบ้าน/อาคารนั้นได้ โดยแนะนำวิธีการดังกล่าวมาแล้ว แล้วก็รับเงิน และ กลับไป หลังจากนั้นแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่าจะเกิดผลสิ่งใดขึ้น เพราะแท้จริงเขาไม่ได้รู้อะไรเลย แค่มาเอาเงินซองอั่งเปา แล้วก็ทำท่าเลียนแบบให้เหมือนซินแสเท่านั้น แท้จริงแล้ว ไม่ได้รู้อะไรเลย ที่รู้มาก็เพียงแค่จากการอ่าน และ การคัดลอกมาเท่านั้น

2. แก้ไขได้ ต้องแก้ไขใหญ่ ข้อนี้จะได้แก่ การแก้ไขเกี่ยวกับกฏของชัยภูมิ ให้เข้าตามกฏของชัยภูมิ และ ผลกระทบ ทั้งภายใน และ ภายนอก อันเกิดจากองศาบ้านที่มีปฏิกริยาต่อรูปดวงบุคคลทั้ง ปี เดือน วัน ยาม ซึ่งอาจมีการทุบ หรือ รื้อ เปลี่ยนแปลง ชัยภูมิทั้งภายนอกและภายใน แต่ที่แน่ๆ ไม่มีการบิดเอียงประตูบ้านจากการตั้งฉากแน่นอน ข้อนี้เอง จึงเกิดเป็นช่องว่างให้ซินแสกำมะลอบางกลุ่มอ้างว่า “ตนสามารถแก้ไขฮวงจุ้ยได้โดยไม่ต้องทุบ ไม่ต้องรื้อแต่ต้องทำการซื้อของแก้ฮวงจุ้ย สิ้นเงินไปเป็นจำนวนมาก เช่น การทาสีบ้านทั้งหลัง เป็นสีเหลือง สีม่วง สีส้ม สีเขียว การติดฮู้ กระจกยันต์ กระดิ่งลม การแขวนของไว้ตามประตู และ ช่วงเสา การทาสีแดงเพื่อคาดคาน การติดยันต์กันแอร์ เพราะแอร์อยู่ในส่วนที่ไม่เหมาะสม (ตามที่ซินแสกำมะลออ้าง) การวางหินพ่นสี น้ำพุ น้ำพุหินหมุน น้ำตก วางรูปปั้นมังกร ผีซิ่ว วางรูปปั้นสัตว์มงคล การตั้งโคมไฟสีแดง การทาสีตามมุม การติดกระจกเว้า และ กระจกนูน การติดสติ๊กเกอร์สีต่างๆ การเกลาเสาให้ไม่เป็นเหลี่ยม สิ่งของเหล่านี้มิสามารถแก้ไขฮวงจุ้ยได้จริง เป็นเพียงของซินแสอ้างว่า สามารถแก้ฮวงจุ้ยได้จริง และ เพื่อหลอกขายเท่านั้น หากแค่อุปกรณ์ของแก้เพียงไม่กี่ชิ้น เช่น อ่างน้ำ น้ำพุ น้ำเต้า ทาสี แขวนกระดิ่ง กังสดาล พรมเช็ดเท้า กรอบรูป สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต หรือ เสริมโชคชะตาให้ดีขึ้น จากหน้ามือเป็นหลังมือก็คงจะดีไม่น้อย คนทั่วทั้งโลกก็คง ร่ำรวยด้วยวิธีการอย่างเดียวกันทั้งหมด

3. แก้ไขเล็กๆ ก็เพียงพอ ข้อนี้จะได้แก่ การปรับเปลี่ยนแก้ไขตามมุมต่างๆ เช่น การพิจารณาหัวนอน เตียง โต๊ะนั่ง ทำงาน การพิจารณาเตาไฟ ห้องครัว การเลือกมุมประตู การปรับเปลี่ยน ปรับแต่งสวนภายในบริเวณบ้าน ซึ่งทั้งหมดยังต้องอาศัยการพิจารณารูปดวงบุคคล อันประกอบด้วย ปี เดือน วัน ยาม ทั้งสิ้น

4. ไม่จำเป็นต้องแก้ไข ข้อนี้คือ เมื่อซินแสเดินเข้าไปยังบ้านดังกล่าวแล้ว เมื่อตรวจสอบชัยภูมิทั้ง ภายใน และ ภายนอก รวมถึงการพิจารณาองศาและทิศทางที่สัมพันธ์กับรูปดวงบุคคลแล้ว ส่งเสริมกันดี ข้อนี้ซินแสที่แท้จริงจะแนะนำให้กระตุ้น การกระตุ้นไม่ใช่
- การตั้งน้ำพุ
- การสร้างน้ำตก
- การวางน้ำหินหมุน
- การวางตู้ปลา
- การจุดประทัด
- การเคาะตามมุมต่างๆ
- การตัดต้นไม้ เพื่อเปิดให้ลมผ่าน
- การเปิดช่องหลังคา


เหล่านี้ล้วนไม่ใช่หลักการกระตุ้นตามหลักวิชาฮวงจุ้ยทั้งสิ้น ล้วนเป็นวิธีการของซินแสกำมะลอที่เสแสร้งแกล้งทำ ด้วยไม่เข้าใจคำว่า “กระตุ้น” นั้นเอง หลักการกระตุ้นนั้น สามารถแบ่งแยกวิธีการกระตุ้น ออกได้ถึง 24 หลักการ หรือ 64 หลักการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองศา และ ทิศทางที่สัมพันธ์กับรูปดวงบุคคลอันประกอบด้วย ปี เดือน วัน ยาม



สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อซินแสเดินเข้ายังบริเวณบ้าน/อาคาร/สำนักงาน ซินแสต้องสามารถทำนายชัยภูมิโดยรอบ บอกผลกระทบของสภาวะแวดล้อม พร้อมทั้งวิธีแก้ไขของระบบชัยภูมิภายนอกบ้านได้ และ เมื่อเข้าไปยังบ้าน/อาคาร/สำนักงานแล้ว ต้องสามารถทำนายว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นในอาคารได้อย่างชัดเจน และ แม่นยำ เมื่อซินแสรายนั้นๆ สามารถทำนายเหตุการณ์ และ ผลกระทบที่เกิดขึ้นได้แล้ว ซินแสต้องแนะนำวิธีการปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยในตำแหน่งต่างๆ โดย


ข้อสำคัญ ก่อนวัดองศา ไม่มีการใช้องศาแดด หรือ กล้องวัดองศา ต้องใช้หล่อแก (เข็มทิศจีน) ในการวัดองศาบ้านเท่านั้น หากจะมีผู้อ้างว่า หล่อแก (เข็มทิศจีนไม่มีความแม่นยำ) เพราะอาจคลาดเคลื่อนจากกระแสแม่เหล็ก หรือ โลหะ ผู้เชิญซินแสต้องถามว่า “แล้วมีสิ่งใดยืนยันได้ว่า องศาที่ท่านวัดด้วยองศาแดด และ กล้องวัดองศา แม่นยำกว่า หล่อแก” อย่าปล่อยให้ซินแสที่เชิญมานั้นเล่านิทานอะไรให้ฟัง จงถามต่อไปว่า “ซินแสลองทำนายหน่อยซิว่า องศาบ้านหลังนี้ คนที่อาศัยในบ้านนี้ จะเกิดเรื่องอะไร? แล้วจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นภายในบ้าน?” หากซินแสทำนายได้ถูกต้อง ชัดเจน จึงค่อยเชื่อว่า องศาแดด และ กล้องวัดองศานั้น แม่นยำ แม้หากท่านพบซินแสที่มีหล่อแกเป็นเครื่องมือก็ควรถามเช่นเดียวกัน เพราะตามกฏของซินแสนั้น เราจะทราบว่า เราวัดองศาได้ถูกต้องหรือไม่ ก็ด้วยอาศัยการทำนาย หากทำนายผิดพลาด ก็เท่ากับว่า เราวัดองศาผิด เพราะบ้านแต่ละองศา ในแต่ละเขา ย่อมแสดงผล และ ส่งผลให้บุคคล และ ก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมายขึ้นในบ้าน ไม่เสมอกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลกระทบของรูปดวงบุคคลที่แสดงผลต่อองศาบ้านหลังนั้นๆ



[1] ไม่มีการแนะนำ ให้บิดองศาเพื่อเอียงกำแพงหลังบ้าน ประตู ศาลตี่จู่เอี๊ยะ โต๊ะทำงาน เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า และ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน เพราะในระบบวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง ทุกอย่างต้องอยู่ในแนวตั้งฉากกับตัวบ้านทั้งสิ้น


[2] ไม่มีการแนะนำ ยุทธวิธีทางการขาย เช่น การแนะนำให้มีการลดราคาสินค้า แผนการส่งเสริมการตลาด ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกันกับการจัดฮวงจุ้ย


[3] ไม่มีการแนะนำ ให้ตั้งตู้ปลา หรือ น้ำพุ (เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีในหลักวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง)


[4] ไม่มีการแนะนำ ให้ตั้งรูปปั้น น้ำเต้า ดาบ ยันต์ ฮู้ เรือสำเภา จิ้งจก คางคก เต่า มังกร ผีซิ่ว หรือ รูปปั้นแปลกๆ


[5] ไม่มีการแนะนำ ให้ติดแผ่นซีดี ติดดินสอ หลอดไฟสีแดง การวางโคมไฟรูปทรงประหลาด แจกันดอกไม้


[6] ไม่มีการแนะนำ ให้ตั้งอ่างน้ำผุด อ่างน้ำเกลือ อ่างใส่เหรียญ น้ำตก ทั้งนอกบ้าน และ ในบ้าน


[7] ไม่มีการแนะนำ ให้วางพรมเช็ดเท้าสีเขียว สีแดง หรือ สีต่างๆ (เป็นเรื่องของการจัดแต่งบ้านพักอาศัยที่ใครๆ ก็สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องอาศัยซินแส)


[8] ไม่มีการแนะนำ ให้ติดกระจกนูน กระจกเว้า กระจกแปดทิศ ติดกระดิ่งลม กังสดาล


[9] ไม่มีการแนะนำ ให้ซื้อของปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ย หรือ ใช้อุปกรณ์ในการแก้ไขปรับแต่งฮวงจุ้ยเพิ่ม แม้แต่ชิ้นเดียว


[10] ไม่มีการแนะนำ ให้ตัดต้นไม้เพื่อเปิดรับลม เปิดหน้าต่างเพื่อรับลม หลักการนี้ไม่มีในวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง


[11] ไม่มีการแนะนำ ให้มีการทาสีตามมุมต่างๆ ของบ้าน หลักการนี้ไม่มีในวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง


[12] ซินแสต้องไม่ใช้วิชาเฮี่ยงคงปวยแช (ดาว 9 ยุค ของสำนักเฮี่ยงคง)


[13] ซินแสต้องสามารถทำนายความเจริญรุ่งเรืองของบ้านหลังนั้นๆ ได้ “เกี๊ยะอุ่ง” ว่า จะเจริญรุ่งเรืองไปกี่ปี


[14] ซินแสต้องสามารถทำนายได้ว่า “การปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ยที่กระทำนั้นตามคำแนะนำของซินแสจะได้รับผลใด และ ผลจากการวางฮวงจุ้ยนั้น จะเกิดเมื่อใดโดยต้องระบุ ปี เดือน วัน ยาม ที่จะเกิดผล”


คุณสมบัติทั้ง 14 ข้อ เป็นเหมือนพื้นฐานคุณสมบัติของซินแสแท้จริงควรต้องทราบ หากคุณสมบัติทั้ง 14 ข้อนี้ไม่มีในตัวซินแส ขอให้ยกเว้นการเชิญ หรือ หากเชิญไปแล้ว ก็ไม่ควรให้เงินซองอั่งเปา เพราะจัดแล้ว ก็เหมือนกับไม่ได้จัด ถ้าจัดแล้วเหมือนกับไม่ได้จัด จะเสียเงินทิ้งเปล่าทำไม เก็บไว้ให้ลูก ให้เมีย หรือ เอาไปซื้อของเข้าบ้าน ยังจะดีกว่า การแก้ไขฮวงจุ้ยที่ถูกต้องคือ ไม่ต้องแก้ไขอะไรเลย และทางที่ดีที่สุด คือ ต้องมีการปรึกษาซินแส ตั้งแต่มีการเริ่มก่อสร้าง ซินแสที่ดีก็เหมือนหมอที่ดีต้องแนะนำสิ่งที่เหมาะสมให้กับคนไข้ รู้ว่าอะไรคือ ต้นเหตุของโรค ถึงจะแนะนำวิธีรักษาให้ได้อย่างเหมาะสม หากหมอไม่สามารถวิเคราะห์ และ วินิจฉัยโรคได้ ก็ไม่สามารถทำการรักษา หรือ ให้ยาแก่คนไข้ได้ถูกต้อง



หมายเหตุ Sages เผยแพร่บทความนี้เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2552 เวลา 18.08 น. สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติปี 2537 ห้ามมิให้นำส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความดังกล่าว ไปดัดแปลง แก้ไข หรือทำซ้ำ เพื่อนำไปใช้สอน หรือ เผยแพร่ ในทางพาณิชย์ โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Sages Academy และ มีตราประทับเท่านั้น



อ่านบทความคุยกับซินแสทั้งหมด >>> คลิ๊กที่นี่

 

บทความยอดนิยม Popular Articles

บทความล่าสุด Latest Articles

เรื่องน่าสนใจ Sages Recommend



กรณีที่ท่านมีปัญหาในการเข้าชมเว็บนี้ อันเนื่องมาจากเวอร์ชั่นของ Internet Explorer (IE) ของท่านเป็นเวอร์ชั่น 6 หรือต่ำกว่า ดังนั้นเพื่อให้เข้าชมเว็บให้ได้อย่างมีอรรถรส กรุณาอัพเดทเวอร์ชั่นของ Internet Explorer (IE) เป็นเวอร์ชั่น 7 ก่อน สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่

หรือทำการติดตั้ง Firefox สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่

 

Your are currently browsing this site with Internet Explorer 6 (IE6).

Your current web browser must be updated to version 7 of Internet Explorer (IE7) to take advantage of all of template's capabilities. Download IE7