จันทร์, 23 ธันวาคม 2024
Home งานไหว้ครู


ภาพนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Sages Academy ห้ามมิให้ผู้ใด นำไปทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือ เผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Sages Academy ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย






รู้จริง หรือ รู้ไม่จริง



ระบบวิชาอภิปรัชญาจีน ระบบ ฟ้า ดิน คน มีความละเอียดอ่อน และ มีความสลับซับซ้อน ยากที่จะคาดเดาได้ โดยเฉพาะหลักวิชา ฮวงจุ้ย ดวงชะตา และ ฤกษ์ยาม ล้วนประกอบไปด้วยเหตุและผล ตามหลักของธรรมชาติ ซึ่งผู้ที่จะเข้าถึงหลักการของวิชาดังกล่าวนี้ ล้วนต้องเข้าใจในธรรมชาติ และ ความเป็นไปของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ หลักการของเต๋า สอนให้มนุษย์อยู่รวมกับธรรมชาติให้เป็นหนึ่งเดียว หลักการของฮวงจุ้ย ดวงชะตา และ ฤกษ์ยาม ก็เช่นกัน เมื่อศึกษาจนไปถึงระดับหนึ่งแล้ว ย่อมเข้าใจ และ แตกฉาน การรวมเป็นหนึ่งของบุคคล ทิศทาง และ ช่วงเวลา จนก่อให้เกิดกระแสพลังย้อนทวนได้อย่างอัศจรรย์ หลักการขั้นสูงของวิชาดังกล่าว เกิดจากความไม่มี มาสู่ความมี และ ความมีทำให้เกิดสรรพสิ่งมากมาย สรรพสิ่งมากมายก็ต้องย้อนกลับไปสู่ความไม่มีเช่นเดิม ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้สนใจศึกษาหลักอภิปรัชญาจีน ระบบ ฟ้า ดิน คน ควรต้องเข้าใจ และ ทราบว่า เมื่อหลักวิชาดังกล่าวมีความสลับซับซ้อน ละเอียดอ่อน การที่จะศึกษาให้เข้าสู่แก่นแท้ของหลักการวิชานั้นๆ ย่อมเป็นไปได้ยาก ในปัจจุบันนี้ จะมีบุคคลอยู่หลายจำพวกที่ต่างพากันเข้าใจ หลงปักใจเชื่อว่า หลักวิชาดังกล่าวเป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจ และ เรียนรู้ได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยการสรุปหลักการต่างๆ ให้หดสั้นลงไป ข้อนี้ย่อมผิดจากความเป็นจริง ผู้ศึกษาหลักวิชาอย่างฉาบฉวยนั้น ย่อมมีความคลาดเคลื่อน และ ขาดตกบกพร่องในรายละเอียดของวิชาการชั้นสูงไปอย่างไม่รู้ตัว อีกทั้งการศึกษาจากครูบาอาจารย์ที่ไม่มีความรู้ และ ขาดประสบการณ์ที่แท้จริง อันเกิดจากการประมวลผล ซึ่งเกิดขึ้นจากรายละเอียดของหลักวิชาแท้จริงนั้น เป็นสิ่งอันตรายอย่างยิ่ง


หลักการของวิชาอภิปรัชญาจีนย่อมให้ความสำคัญ อันได้แก่ ส่วนนิ่ง และ ส่วนเคลื่อนไหว คือ อิม และ เอี้ยง นั่นเอง ที่ว่าส่วนนิ่งและส่วนเคลื่อนไหวนั้น ก็ยังสามารถหลอมลงมาอธิบายได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่หากจะแยกจากกัน ก็ย่อมสามารถอธิบายได้เป็นอีกสิ่ง ทั้งอิมและเอี้ยง ซึ่งก็คือ หนึ่งนิ่ง และ หนึ่งเคลื่อนไหว ย่อมหมายถึง หลักการของระบบ ชัยภูมิ และ กระแส ซึ่งมีความสัมพันธ์สอดคล้อง ชัยภูมิที่ว่านี้ยังแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ชัยภูมิที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และ ชัยภูมิที่เกิดขึ้นโดยมนุษย์ ข้อนี้เอง เป็นเหมือนสัญลักษณ์สำคัญในการพิจารณาที่ไปที่มา และ ความเป็นไป ซึ่งก็คือ ความเจริญรุ่งเรือง อันเกิดจากปราณที่เข้ามารวมตัวกัน และ เข้าปะทะกันกับเล้งในบริเวณนั้นๆ ก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง และ ความเสื่อมโทรม ของพื้นที่ต่างๆ ชัยภูมิซึ่งส่งเสริมให้เกิดเล้งจึงเป็นเหมือนกระบวนการคัดเลือกซึ่งปราณ และ ปราณนั้นย่อมเกิดจากกระแสขี่ ซึ่งขี่นี้เองที่ทำให้เกิดปราณ และ เล้งจึงเป็นตัวกำหนดคุณลักษณะของนิสัย ท่าทาง การกระทำ รวมถึงอาชีพของบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ หากจะกล่าวไปแล้ว ส่วนของกระแสที่มีความสัมพันธ์กับชัยภูมินั้น ยังแบ่งออกออกไปได้อีก 2 จำพวก คือ


ขี่ ขี่เป็นสิ่งที่อยู่บนพื้นผิวโลกมนุษย์ และ ขี่ยังเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปราณ และ เป็นสิ่งกำหนดปราณ หากขี่มีความร้ายแรง ปราณย่อมมีคุณลักษณะ และ พลังที่ร้ายแรง หากขี่มีความเชื่องช้า และ อ่อนไหว ปราณย่อมมีความเชื่องช้า และ อ่อนไหว ฉะนั้น หากขี่มีปริมาณเท่าใด ปราณย่อมมีปริมาณเท่านั้น


เล้ง มี 2 จำพวก คือ เล้งที่เกิดจากพื้นผิว และ เล้งที่เกิดจากพลังงานภายใน แต่คุณลักษณะของเล้งทั้งสอง มีค่าความรุนแรง และ การส่งผลที่แตกต่างกัน เล้งที่เกิดจากพื้นผิว จะเป็นเล้งที่มีการปรุงแต่งคุณลักษณะ การส่งผลไม่ค่อยมีความชัดเจนและรุนแรงเท่ากับเล้งที่เกิดจากพลังงานภายใน เพราะเล้งที่เกิดจากพลังงานภายใน ย่อมเกิดจากการส่งพลังมาจากด้านล่างของพื้นโลกลึกลงไป


และเมื่อเล้งสะท้อนพลังขึ้นมายังพื้นผิวโลกเข้าปะทะกับขี่ ก็จะทำให้เกิดปราณซึ่งเกิดมาจากเล้ง (พลังมังกร) และ ขี่เข้าผสมผสานกัน ทำให้ชัยภูมิและพื้นที่นั้น เลือกบุคคล เลือกพฤติกรรม!! เพราะเหตุนี้เอง จึงไม่เป็นสิ่งแปลกว่า ทำไม!! แต่ละสถานที่ แต่ละช่วง แต่ละเขต แต่ละอำเภอ แต่ละจังหวัด แต่ละประเทศ มนุษย์จึงพฤติกรรมที่แตกต่างกัน รวมไปถึงสถานที่นั้นจึงเจริญรุ่งเรือง และ เสื่อมโทรมไม่เสมอกัน และ ปัจจัยสำคัญที่เป็นเครื่องควบคุมความเจริญ และ เสื่อมโทรม อันเกิดจากผลผลิตของเล้ง และ ขี่ที่หลอมรวมจนเกิดเป็นปราณนั้น ย่อมหมายถึง กลุ่ม 28 ดาวฤกษ์ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 7 ดวง ที่เคลื่อนไหว ซึ่งก็คือ ปีใด เดือนใด วันใด เวลาใด ที่กลุ่ม 28 ดาวฤกษ์ โคจรและเล็งลงมายังบริเวณชัยภูมิ พื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีพลังปราณปรากฏอยู่ แล้วทำปฏิกิริยากันตามหลักการ 5 ธาตุ ย่อมก่อให้เกิดสภาพความเป็นไป ในทางดีและร้าย ฉะนั้น สิ่งมีชิวิตซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ย่อมได้รับอิทธิพลในความเป็นไปดังกล่าว ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่า อิทธิพลของพลังที่กล่าวมานี้ ย่อมสามารถทำให้พฤติกรรม นิสัย ความชอบ ความเกลียด มีแตกส่วนออกจากรูปแบบเดียวกัน ทั้งนี้ อิทธิพลดังกล่าว มิได้เกิดขึ้นจากองศา หรือ ทิศทาง แต่อิทธิพลดังกล่าวนั้นเกิดจากพลังงานของกระแสขี่ที่ก่อให้เกิดปราณ และ ปราณเข้าปะทะรวมกันกันกับเล้ง (พลังงานของมังกร) ทำพื้นที่นั้นๆ มีสภาพของพลังคล้ายคลึงกัน จนก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบของพลังงาน ทำให้ผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ประกอบอาชีพในลักษณะเดียวกัน เช่น


- เครื่องสังฆภัณฑ์ มักมีการขายมากในแถวบริเวณเสาชิงช้า
- เครื่องไม้ งานไม้ มักมีการขายกันมากในบริเวณบางโพ
- เพชร พลอย มักมีการขายการมักในบริเวณบ้านหม้อ มเหศักดิ์
- เครื่องเหล็กและอุปกรณ์ มักขายกันมากในแถวคลองถม
- ทองคำ มักขายกันมากในแถวเยาวราช
- ผ้า มักมีการขายกันมากในบริเวณ พาหุรัด
- ฯลฯ


บริเวณเหล่านี้ประกอบไปด้วย การค้าและธุรกิจในลักษณะเดียวกัน และ มีการทำกันมาไม่ใช่แค่ช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี แต่หมายถึง การส่งต่อกิจการจากรุ่นสู่รุ่นมาหลายสิบปี เมื่อกาลเวลาผ่านไป อิทธิพลของดาวในระบบ 28 ดาวฤกษ์ ที่ค่อยๆ โคจรออกจากกระแสปราณในบริเวณพื้นที่และชัยภูมินั้นๆ ทำให้บริเวณดังกล่าวที่มีพฤติกรรมเสมือนคล้ายเสื่อมโทรมลง มีการประกอบสิ่งใหม่ขึ้นมาทดแทน หรือ การประกอบอาชีพนั้นย้ายความเจริญรุ่งเรืองจากบริเวณเก่าไปยังบริเวณใหม่ สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้วิทยาศาสตร์อธิบาย หากจะมีผู้กล่าวอ้างว่า สามารถใช้วิทยาศาสตร์อธิบายพฤติกรรมเลียนแบบของพลังงานได้ ก็คงไม่สามารถชี้เฉพาะเจาะจงลงไปได้ว่า บริเวณใดในอนาคตที่จะเจริญรุ่งเรือง? บริเวณใดที่จะเสื่อมโทรม? แต่หลักอภิปรัชญาจีน ระบบ ฟ้า ดิน คน กลับสามารถกำหนดได้อย่างชัดแจ้ง และ แม่นยำ


ทั้งนี้รวมไปถึงรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายอย่างของหลักวิชาอภิปรัชญาจีน ระบบ ฟ้า ดิน คน ซึ่งผู้รู้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากปรมาจารย์ ต่างทราบดี และ ล้วนเก็บไว้เพื่อถ่ายทอดแก่ผู้ที่เหมาะสม แต่ผู้มีความรู้อันอาศัยจากการอ่าน การคัดลอก พยายามจะอวดอ้างความรู้จากความโง่เขลาของตน ป่าวประกาศ โฆษณาอวดอ้างความรู้ของตน ให้ผู้อื่นเข้ามาสนใจ และ พยายามทำตนให้คล้ายกับเป็นผู้รู้จริง แต่ของปลอมก็ยังเป็นของปลอมอยู่วันยังค่ำ หลักวิชาอภิปรัชญาจีน มีความสลับซับซ้อนเกินกว่าบุคคลผู้มีความร้อนในวิชา ซึ่งไม่มีความอดทนอดกลั้น ไม่มีวิริยะอุตสาหะ จะศึกษาได้อย่างแตกฉาน เพราะความใจร้อน จึงทำลายล้างความเพียร เป็นสิ่งที่ทำความรู้ที่ได้รับนั้นผิดจากความเป็นจริง ไม่แน่ว่าสิ่งที่ผู้ศึกษาเข้าใจนั้น อาจไม่ได้เข้าใจจริง หรือ ผิดจากหลักการจริง เพราะขาดการไตร่ตรอง และ ความเข้าใจ ทั้งนี้แม้ผู้สนใจ จะเรียนรู้ และ ทำความเข้าใจในหลักวิชาดังกล่าว โดยใช้ระยะเวลาศึกษาหลายปี ก็ไม่อาจสามารถแตกฉานได้ สิ่งที่ได้จะได้ก็เพียงรู้มาก รู้น้อย รู้จริง และ รู้ไม่จริง เท่านั้น ครั้นจะให้แตกฉาน รู้จริงไปทุกเรื่องคงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก


ในสมัยโบราณนั้น ผู้ที่จะได้ศึกษาวิชาดังกล่าวนี้ย่อม ประกอบไปด้วย ความซื่อสัตย์ สุจริต มีความกตัญญูรู้คุณ เคารพครูบาอาจารย์อย่างเสมอต้นเสมอปลาย มีความเพียร อดทน ประกอบด้วยความเชื่อมั่นในตัวอาจารย์ของตนอย่างเคร่งครัด จึงจะได้รับการไว้วางใจ และ ถ่ายทอดหลักวิชาชั้นสูง ซึ่งถือว่าเป็นเคล็ดลับของหลักวิชาให้ แต่ในสมัยปัจจุบันนี้ ผู้สนใจเกิดความเข้าใจว่า หากตนเองต้องการศึกษาวิชาดังกล่าว แค่เพียงมีเงิน และ พอมีเวลา เพียง 3 วัน เฉพาะวันอาทิตย์ 3 ครั้ง ก็สามารถศึกษาให้ครบถ้วน จบกระบวนการของหลักวิชานั้นๆ ได้อย่างง่ายดายตามที่สถาบัน/ชมรมต่างๆ เปิดสอนอยู่นั้นเอง ความเข้าใจเหล่านี้ผิดพลาดทั้งสิ้น แม้ผู้สอนเองก็มีความเข้าใจผิดพลาดในหลักวิชา เพราะเหมือนเป็นการดูถูกว่า หลักวิชาโบราณซึ่งสืบทอดกันมาไม่ต่ำกว่า 5000 ปี สามารถสรุปรวมให้จบได้ภายในระยะเวลา 3 วัน เพียงวันละ 5 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึง เวลาศึกษามีแค่ 15 ชั่วโมง สำหรับระยะเวลาเพียงเท่านี้นั้น แม้เพียงศึกษาพื้นฐานที่ถูกต้อง ยังไม่พอด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากจะได้ ก็คงได้แค่เพียงเศษ และ กากวิชา ที่แม้ตัวผู้สอนเองก็มีความรู้เพียงเท่านั้น ไม่ได้มีมากมายไปเกินกว่านั้น แต่ก็คงเหมาะสมและเพียงพอ สำหรับการศึกษาวิชาพื้นๆ อย่างวิชาเฮี่ยงคงปวยแช (ดาว 9 ยุค ของสำนักเฮี่ยงคง) แต่ถ้าหากจะมีผู้กล่าวอ้างว่า สามารถสอนวิชาซำง้วน 64 ข่วย ให้จบได้ภายในระยะเวลาอันสั้นแล้ว ข้อนี้คงเป็นเพียงนิทานปาหี่หลอกลวงเท่านั้น ซึ่งผู้ที่เข้าไปศึกษามีเงินอย่างเดียวคงทำไม่ได้ ต้องมีความโง่ด้วย จึงจะเดินเข้าไปหา และ เมื่อหูตาสว่าง จึงจะค่อยๆ ก้าวเดินออกมา หากยังหลงเชื่ออยู่ อย่างนี้ไม่ใช่มีเงินแล้วโง่ธรรมดา..แต่เป็นโง่บรมโง่ จึงยอมก้มหน้าก้มตาให้เขาหลอกลวง


สำหรับผู้สนใจศาสตร์อภิปรัชญาจีน ระบบ ฟ้า ดิน คน มีหลายประเภท อาจแบ่งออกไปได้ดังนี้


[1] ต้องการพิสูจน์ว่า วิชาเหล่านี้...มีอยู่จริงหรือไม่? บุคคลประเภทนี้ เหมือนคนลองผิดลองถูก ต้องเที่ยวไปศึกษาไป ทุกชมรม ทุกสถาบัน เมื่อศึกษาจากชมรม/สถานบันใดๆ แล้ว เมื่อนำมาทดสอบไม่ได้ผลจริงก็เปลี่ยนสถานที่ศึกษา


[2] ต้องการนำเอาความรู้มาใช้งานกับตนเองเท่านั้น บุคคลประเภทนี้น่าสงสาร หากไปพบเจอสถาบัน/ชมรมที่หวังเพียงเงินอย่างเดียว และ สอนวิชาที่ผิดพลาดจากหลักวิชาที่แท้จริง ด้วยความไม่รู้จริงของตัวอาจารย์สอนมีการเปลี่ยนหลักการไปมาทุกปี เมื่อนำมาใช้งานกับตนแล้ว ไม่เกิดผลใดๆ ก็ต้องเปลี่ยนสถานที่เรียนไปเรื่อยๆ ลองจนกว่าจะพบของจริง บางคนทนไม่ไหวต้องเลิกเรียน เลิกเชื่อศาสตร์นี้ไปเลยก็มี


[3] ต้องการนำเอาวิชาความรู้ไปใช้กับคนอื่น แต่ไม่กล้านำมาใช้กับตนเอง บุคคลประเภทนี้ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ใช้คนอื่นเป็นหนูทดลองยา เพื่อเก็บผลว่า สิ่งที่ตนกระทำนั้น จะได้ผลมากน้อยเพียงใด และ เที่ยวตระเวนศึกษาไปเรื่อยๆ และนำเอาวิชาความรู้ที่ได้มาจากที่ต่างๆ มารวมกันจนมั่วไปหมด


[4] ต้องการนำเอาวิชาความรู้มาใช้กับตนเองให้เกิดผลก่อน แล้วจึงค่อยนำไปใช้ช่วยเหลือผู้อื่น บุคคลประเภทนี้น่าสนใจ อย่างน้อยยังรู้จักทดสอบผลด้วยตนเอง เมื่อศึกษาจากที่ที่มีความรู้แท้จริงแล้ว นำมาใช้กับตนเองได้ผล จึงค่อยออกไปช่วยเหลือผู้อื่น


[5] ต้องการนำเอาวิชาความรู้ไปสอน เพราะชอบสอนเป็นชีวิตจิตใจ แต่กลับหารู้ไม่ว่า สิ่งที่ตนสอนนั้น ตนเองก็ยังมิได้แตกฉานอะไร บุคคลประเภทนี้น่าสงสารยิ่งนัก ไม่รู้จักประมาณตนเอง มีความสนใจเพียงอย่างเดียวที่จะคัดลอก หรือ ส่งคนเข้าไปศึกษาจากสถานที่ต่างๆ แล้วนำไปคัดลอก พร้อมกับตั้งตัวขึ้นมาเป็นอาจารย์เอง หวังเพียงอย่างเดียว คือ ผลประโยชน์ในตัวเงิน ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่เจียมตนว่า ตนเองมีความรู้ไม่พอที่จะสอนผู้อื่นด้วยซ้ำ หนำซ้ำ บุคคลกลุ่มนี้มีมากในปัจจุบัน ประเภทความรู้แค่หางอึ่ง แต่อวดอ้างว่า "ตนรู้ทุกอย่าง" ลงท้ายก็เป็นแค่วิชาเฮี่ยงคงปวยแช แทบทุกสถาบัน/ชมรม


บุคคล 5 ประเภทที่กล่าวมานั้น แบ่งออกมาจากผู้สนใจศึกษาหลักวิชาอภิปรัชญาจีนที่ข้าพเจ้าได้ประสบพบเจอมาตลอดระยะเวลา 10 ปี จากการสัมภาษณ์นักศึกษาที่เข้าศึกษากับ Sages ข้าพเจ้าได้พบเจอบุคคลมากมายหลายประเภท แต่ประเภทหนึ่งที่ข้าพเจ้าพบก็คือ บุคคลผู้ไม่ยอมรับความจริง ผู้เข้าศึกษาจาก Sages ทุกคนนั้น ล้วนผ่านการศึกษามาจากสถาบัน/ชมรมที่เปิดสอนวิชาฮวงจุ้ย ดวงจีน และ ฤกษ์ยาม ในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละคนล้วนศึกษามาครบทุกหลักสูตร และเมื่อเรียนจนจบแล้ว สิ่งที่เหมือนกันทั้งหมดก็คือ หลักวิชาที่ศึกษามาใช้งานไม่ได้จริง จนต้องหาที่ศึกษาใหม่ วิชาที่เขาทั้งหลายถนัด และ ถูกนำไปใช้งานมากที่สุดก็คือ วิชาเฮี่ยงคงปวยแช หลายคนๆ ออกรับปรับแต่งแก้ไขฮวงจุ้ย ซึ่งก็คือ การตั้งตัวเป็นซินแสดาว 9 ยุคนั้นเอง ส่วนตัวข้าพเจ้านั้น ทราบแน่แก่ใจอยู่แล้วว่า หลักวิชาเฮี่ยงคงปวยแช มีผลลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็ออกปากถามขณะที่สัมภาษณ์ผู้เข้าศึกษาว่า คุณเคยศึกษาวิชาเฮี่ยงคงปวยแชมา แล้วไปจัดบ้านให้คนอื่น ได้ผลไหม คนที่ยอมรับความจริงก็ล้วนตอบว่า "ไม่ได้ผล" แต่คนที่ยอมรับความจริง ยอมรับความผิดพลาดของตนเองไม่ได้ ก็ยังพยายามเลี่ยงตอบว่า "ได้ผลดีเกือบทุกราย" ในรายที่ตอบข้าพเจ้าว่า ได้ผลดีเกือบทุกรายนั้น ข้าพเจ้าย้อนทวนถามกลับคืนไปว่า ในเมื่อคุณใช้วิชาเฮี่ยงคงปวยแชได้ผลดังที่คุณอ้าง คุณจะมาเรียนอีกทำไม? ก็เพราะว่า คุณยังรู้ไม่จริงไม่ใช่หรือ? คุณถึงต้องมาเรียน แต่เขาแย้งว่า "ต้องการศึกษาวิชาขั้นสูง" ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ย้อนกลับคืนไปเช่นกันว่า ก็เห็นยกย่องกันนักหนาว่า วิชาเฮี่ยงคงปวยแช เป็นวิชาชั้นสูง แล้วอะไรมันจะสูงไปกว่านั้น มันจะมีเหรอ อีกอย่างวิชาที่คุณมาขอศึกษากับข้าพเจ้านี้ อาจใช้ไม่ได้ผลเหมือนวิชาเฮี่ยงคงปวยแชที่คุณอ้างก็ได้นะ เขาจึงเงียบ เมื่อเข้ามาศึกษากับข้าพเจ้าแล้ว นักศึกษารายนั้นพยายามอธิบายให้ข้าพเจ้าฟังว่า ที่เขาเคยใช้มามีผลบ้าง แต่ไม่ได้ผลต่อเนื่อง เป็นผลดีระยะสั้นๆ แค่เดือนเดียว ผลก็หายไป ข้าพเจ้าเพียงพยักหน้ารับทราบเท่านั้นมิได้กล่าวสิ่งใด


ในส่วนตัวของข้าพเจ้าเองได้เคยเห็นผลของการวางฮวงจุ้ย ความแม่นยำของวิชาทำนายดวงชะตา ตลอดจนผลอัศจรรย์ของปรากฏการณ์ในระบบฤกษ์ยามมานับครั้งไม่ถ้วน สิ่งที่ข้าพเจ้ารู้นั้น นำไปใช้งานได้จริง และ ได้ผลครบถ้วน แม้จะมีข่าวคราวว่า มีผู้ประกาศตนเป็นอาจารย์ที่ศึกษามาทั่วโลก หรือ เป็นปรมาจารย์ 1 ใน 3 ของโลก คนเหล่านี้ แท้จริงแล้ว ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง แค่เพียงอ้าปากพูดขึ้นมาเท่านั้น ข้าพเจ้าก็รู้แล้วว่า "เขาไม่ได้รู้จริง แม้เพียงเรื่องเดียว" ในหลักวิชาอภิปรัชญาจีน ระบบ ฟ้า ดิน คน ที่เขารู้นั้น เป็นแค่เศษเดน หรือ กากวิชา ที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง มีไว้เพียงอย่างเดียว คือ หลอกคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว



อ่านบทความคุยกับซินแสทั้งหมด >>> คลิ๊กที่นี่

 

บทความยอดนิยม Popular Articles

บทความล่าสุด Latest Articles

เรื่องน่าสนใจ Sages Recommend



กรณีที่ท่านมีปัญหาในการเข้าชมเว็บนี้ อันเนื่องมาจากเวอร์ชั่นของ Internet Explorer (IE) ของท่านเป็นเวอร์ชั่น 6 หรือต่ำกว่า ดังนั้นเพื่อให้เข้าชมเว็บให้ได้อย่างมีอรรถรส กรุณาอัพเดทเวอร์ชั่นของ Internet Explorer (IE) เป็นเวอร์ชั่น 7 ก่อน สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่

หรือทำการติดตั้ง Firefox สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่

 

Your are currently browsing this site with Internet Explorer 6 (IE6).

Your current web browser must be updated to version 7 of Internet Explorer (IE7) to take advantage of all of template's capabilities. Download IE7